posttoday

เฉลิมฉะชูวิทย์ตระกูลนายกฯไม่ใฝ่ต่ำเปิดบ่อน

04 กรกฎาคม 2555

รองนายกฯ เฉลิม แถลงโต้ชูวิทย์ตระกูลนายกฯไม่ใฝต่ำเปิดบ่อน ท้า รู้จริงให้เปิดชื่อ เตือนคนแพร่คลิปเสียงคล้ายสมศักดิ์ ระวังผิดกฎหมาย

รองนายกฯ เฉลิม แถลงโต้ชูวิทย์ตระกูลนายกฯไม่ใฝต่ำเปิดบ่อน ท้า รู้จริงให้เปิดชื่อ เตือนคนแพร่คลิปเสียงคล้ายสมศักดิ์ ระวังผิดกฎหมาย

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวตอบโต้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย กรณีบุกบ่อนกิ่งเพชร ถนนเพชรบุรี ซอย 5 พร้อมทั้งพาดพิงคนในรัฐบาลรวมถึงเครือญาตินายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะคนในรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และตน รวมถึงผู้ที่ถูกพาดพิง ไม่มีใครใฝ่ต่ำเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอบายมุข

อย่างไรก็ตาม อยากชี้แจงว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปตรวจค้นและจับกุมได้ เนื่องจากต้องมีขั้นตอนทางกฎหมาย โดยเฉพาะต้องได้รับหมายค้นจากศาลก่อน ทั้งนี้ หากนายชูวิทย์ รู้ว่า ใครมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ตนขอท้าให้เปิดเผยรายชื่อออกมา และตนก็พร้อมชี้แจงหากนายชูวิทย์ จะตั้งกระทู้ถามสด หรือจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็ตาม ทั้งนี้ การปราบปรามอบายมุขถือเป็นเรื่องรองจากการปราบปรามยาเสพติด และแก้ปัญหาอาชญากรรม แต่ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวจะมีการเข้มงวดกวดขันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกสบายใจที่นายชูวิทย์ ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าว เพราะสังคมจะได้รู้ว่า นายชูวิทย์ และตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน

“ผมอยากเตือนนายชูวิทย์ว่า การดำเนินการอะไรควรจะต้องทำอย่างรัดกุมตามขั้นตอน ไม่ควรออกมาเปิดเผยโจ่งแจ้งอย่างที่ผ่านมา เพราะเป็นเรื่องอันตราย”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยบางส่วนต้องการให้ถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดองออกนั้น ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากตนไม่ได้เป็นคนเริ่ม ส่วนกรณีที่มีการปล่อบคลิปเสียงคล้ายนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เปิดใจในงานวันเกิดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่จ.เพชรบูรณ์ ตนไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นเสียงนายสมศักดิ์ จริงหรือไม่ และพิสูจน์ได้ยาก แต่คนที่นำมาเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวัง เพราะการดักฟังโทรศัพท์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และหากจะกระทำต้องได้รับอนุญาตจากศาลซึ่งก็แล้วแต่กรณีด้วย

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่พยานฝ่ายผู้ร้องถอนตัวจากการเป็นพยานในชั้นศาล กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งอาจเข้าข่ายมาตรา 68 ในวันที่ 5-6 ก.ค.นั้น เห็นว่า คนที่เป็นนักกฎหมายด้วยกันก็จะไม่กล้าเป็นพยาน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะถือเป็นสถาบันประชาธิปไตยแห่งแรกของประเทศ และหากมาเป็นพยานจะมองหน้าในคนสถาบันคนเดียวกันไม่ติด

อย่างไรก็ตาม มองว่า ผลการวินิจฉัยของศาลจะออกมา 2 แนวทาง คือ 1.ยกคำร้อง และ 2.หากกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ แต่ถือว่าขั้นตอนไม่เสร็จสิ้น ก็ให้ดำเนินการขั้นตอนดังกล่าวกลับมาใหม่ โดยยกร่างเป็นรายมาตรา และเชื่อว่าถ้าเป็นอย่างนั้นถึงมีการยุบพรรค แต่ก็ไม่กระทบต่อรัฐบาล ทั้งนี้ มั่นใจว่า นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะชี้แจงต่อศาลได้ เพราะเป็นคนเก่ง อีกทั้ง ยังได้รับข้อมูลจากกฤษฎีกาด้วย