posttoday

จุรินทร์อัดประชาบริหารน้ำเหลว-พบพิรุธ5ข้อ

27 พฤศจิกายน 2554

สภาเปิดศึกซักฟอกพล.ต.อ.ประชา "จุรินทร์"เผยพบพิรุธ 5 ข้อ พร้อมสับแหลกศปภ.บริหารงานไร้ประสิทธิภาพจัดการน้ำ

สภาเปิดศึกซักฟอกพล.ต.อ.ประชา "จุรินทร์"เผยพบพิรุธ 5 ข้อ พร้อมสับแหลกศปภ.บริหารงานไร้ประสิทธิภาพจัดการน้ำ

เมื่อเวลา  09.45 น. ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม 

"จุรินทร์"เปิดอภิปรายซัดประชาบริหารพลาดทุกมิติ

โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นผู้กล่าวเปิดการอภิปราย ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจดังกล่าวไม่ได้หวังผลล้มรัฐบาล เพราะเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาล ไม่ใช่อภิปรายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตามที่ประชาชนมอบหมายเมื่อพบการกระทำที่ทุจริต การอภิปรายพล.ต.อ.ประชานั้น เพราะได้กระทำทุจริต จงใจทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และบริหารราชการแผ่นดินบกพร่องล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยให้มีการทำทุจริต ขัดหลักนิติธราม โดยเอื้อประโยชน์ให้บางคนและทำให้ประชาชนเดือนร้อน

โดยในส่วนที่พล.ต.อ.ประชา ทำหน้าที่ ผอ.ศปภ.  นั้นมีพฤติกรรมไม่ไว้วางใจ คือ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดทุกมิติ ทั้งเรื่อง น้ำ คน เงิน รวมถึงสิ่งของที่มีผู้บริจาค นอกจากนั้น ยังมีพฤติกรรมรู้เห็นเป็นใจให้คนของพรรคการเมืองเดียวกันแทรกแซง และหาประโยชน์ ทางนิตินัย และพฤตินัย นอกจากนั้น พล.ต.อ.ประชา ทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ต่อมาคือ ปล่อยละเลย รู้เห็นให้เกิดทุจริต จากเงินงบประมาณและเงินบริจาคของประชาชน

นอกจากนี้ ยังล้มเหลวในการบริหารการจัดการน้ำ ผลที่ปรากฏ คือ ยิ่งแก้ น้ำยิ่งท่วม ท่วมจนทนไม่ไหว น้ำต้องไหลลงทะเลไป นี่คือ ความเป็นจริงปัญหาที่เกิดเพราะ รัฐบาลบริหารน้ำผิดพลาด เหมือนกันชายแดนภาคใต้ในอดีต  การจัดการในเรื่องจัดเก็บ การระบายน้ำ ช่วงทีเหมาะสม จึงไม่ได้รับความสนในเท่าที่ควร เพราะรัฐบาล เชื่อว่า “เอาอยู่” รัฐบาลจึงให้ความสำคัญโฆษณาประชาสัมพันธ์ เชื่อว่าการตลาดจะทำให้ชนะเหมือนกับที่ชนะเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นบางระกำโมเดล นครสวรรค์โมเดล ล้มเหลวทุกโมเดล บางระกำยังแห้งไม่หมด 3-4 เดือนต่อเนื่อง เพราะเน้นโฆษณามากกว่าผลสำฤทธิ์ของการแก้ไขปัญหา ไปล่อยให้มีการกินหัวคิว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า รมว.ยุติธรรม ได้เข้ามารับหน้าที่เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 54  ตามคำสั่งนายกฯ 193/2554 ท่ามกลางความงุนงง และเครื่องหมายคำถามว่า ทำไมเอารมว.ยุติธรรมมาแก้ปัญหาน้ำท่วม ได้ค้นพบคือ ต้องการกระจายน้ำไปท่วมทุกพื้นที่อย่างยุติธรรม หลังจากการจัดตั้งศปภ. โดยพล.ต.อ.ประชา ความผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลว ก็เกิดขึ้น คือ น้ำไหลลงมาจากภาคเหนือ กลาง และเข้าสู่ปริมณฑล เข้าสู่กทม. ปัญหาทั้งหมดจะเห็นว่า ไม่ได้เป็นเพราะธรรมชาติ อย่างที่รัฐบาลอ้าง แต่ปัญหาเกิดจากพายุภัยธรรมชาติ ทำไมประเทศเพื่อบาน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว โดนพายุ 4-5 ลูก ทำไมเขาไม่เสียหายยับเยินเหมือนประเทศไทย 

“สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะจากปัญหาใหญ่ คือ การบริหารจัดการภายใต้ศปภ.ที่ล้มเหลว ถ้ามีการบริหารจัดการดี มีประสิทธิภาพ เชื่อว่าน้ำก็ยังท่วม แต่จะไม่ท่วมทั่ว และมาก หรือท่วมนาน สร้างความเสียหายเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกภาคส่วนอย่างที่เป็นอยู่”

ชี้ปล่อยการเมืองแทรกศปภ.ทำการบริหารล้มเหลว

ส่วนพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินของผอ.ศปภ.ที่ล้มเหลว มีให้เห็นหลายประการ เช่น 1.การระบายน้ำลงทะเล ตามแผนที่ประเทศไทย มี 3 ทาง คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง แต่การระบายน้ำจริงๆ ไปล้นอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้น้ำเอ่อท่วมจ.อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และฝั่งธนบุรี กทม. มีเสียงวิจารณ์ว่าการระบายน้ำที่ล้มเหลว เพราะผอ.ศปภ.ปล่อยให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงข้าราชการ ทำให้ผู้ที่มีความรู้ในการแก้ไขปัญหาต้องนั่งแถวหลังนักการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องการปกป้องพื้นที่ตัวเอง ที่สุดน้ำไหลบ่าอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก ทั้งนี้ ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นพฤติกรรมการระบายน้ำของศปภ.ที่มีเอกสาร แต่ตนไปค้นพบเอกสาร เล็กๆ ที่สะท้อนว่านี่เป็นเหตุที่ทำให้ล้มเหลว

นายจุรินทร์ ระบุว่า มีนักการเมืองเข้าไปยุ่งทุกมิติ เช่น คำสั่ง ศปภ. ที่ 12/ 2554 เรื่องคณะกรรมการผันน้ำลงทะเล ที่มีนายวัลลภ ยังตรง อดีต สส.พรรคเพื่อไทย  เป็นคณะกรรมการผันน้ำซีกฝั่งตะวันตก ขณะที่คำสั่งที่ 50/2554 เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็ว ได้มอบหมายให้นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบการผันน้ำในจ.ปทุมธานี นนทบุรี กทม. ฝั่งธน และสมุทรสาคร ลงแม่น้ำท่าจีน ลงทะเล ลงนามวันที่ 12 พ.ย. 54

ทั้งนี้ ตนไม่ได้ตำหนิ หรือพาดพิงให้เสียหาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ 1.การลงนามวันที่ 12 พ.ย. ซึ่งวันดังกล่าวได้ออกคำสั่งที่ 51 / 2554 เพื่อมีคำสั่งยกเลิกตั้งคณะกรรมการผันน้ำ ซึ่งตนต้องการสะท้อนให้เห็นการรบริหารจัดการของผอ.ศปภ. เป็นหลักฐานที่นำมาสู่คำตอบว่าทำไมจึงล้มเหลว 2. การบริหารจัดการภายในของศปภ. ที่เหมือนกับการจัดทัพที่รบกับน้ำ ตนมีหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการภายในยิ่งรู้ ยิ่งเละ  คำสั่งเรื่องแต่งตั้งฝ่ายอำนวยการ ลงวันที่  9 พ.ย. คำสั่งที่ 48 / 2554 ออกมาไม่ถึง 4 วัน ก็ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งเก่า ที่สุดคนทำงานกลับลำไม่ทัน แบบนี้จะไปรบกับน้ำได้อย่างไร

ส่วนคำสั่งที 27 / 2554 แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภค นายธีรชัย วุฒิธรรมเลขาฯรมว.ยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ นายบัณฑูรย์ สุภัควนิช เลขาธิการนายกฯ เป็นรองประธานกรรม ใครใหญ่กว่ากัน ไม่ต่างจากการตั้งเรื่องถุงยังชีพโดยให้รมว.ยุติธรรมเป็นประธาน และให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นรองประธาน สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าการบริหารจัดการภายในมีปัญหาสับสน จึงเป็นที่มาขอคำตอบว่าจะรบกับน้ำชนะได้อย่างไร 

นอกจากนั้น คำสั่งที่ 5 / 2554 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ผู้ประสบอุทกภัย ลงวันที่ 11 ต.ค. และไปพบอีกคำสั่งลงวันที่ 12 ต.ค. ซึ่งเป็นคำสั่งที่ 5 / 2554  เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ คำสั่งเหมือนกันที่เดียวกัน แต่ลงนามคนละวัน เนื้อหาไม่เหมือนกัน ต่างกันตรงที่คำสั่งแรกมอบให้ นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. เป็นรองประธานกรรมการ แต่คำสั่งใหม่ตัดรองผู้ว่าฯกทม.ออก เหตุผลคืออะไรไม่ขออธิบาย แต่มึนงงว่าทำไม ถึงมีคำสั่งเลขเดียวกัน 2 คำสั่ง ลงนามคนละวัน

“ท่านปล่อยให้สส.พรรคเดียวกันกับท่าน ก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ของข้าราชการประจำ โดยผมมีเอกสาร และผมไม่ประสงค์จะให้มีการพาดพิง และตอบโต้กันจนเสียเวลาสภา แต่จะยื่นเอกสารนี้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการถอดถอนต่อไป โดยรายละเอียด คือ มีส.ส.กทม. ท่านหนึ่งทำหนังสือไปถึงปลัดกระทรวงหนึ่ง สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติการที่ศปภ. ทั้งที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของศปภ. ต้องการเน้นให้เห็นว่ารมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. ปล่อยให้มีนักการเมืองก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ของข้าราชการประจำ” 

นอกจากนี้ ยังมีเอกสารเกี่ยวกับการจัดซื้อเต็นท์จำนวน 700 หลัง โดยมีใบส่งของให้จัดส่งที่ศปภ.ดอนเมือง อาคาร 2 แปลว่า การจัดซื้อเต็นท์นั้น เป็นเรื่องความรับผิดชอบของศปภ. แต่ทราบหรือไม่ตัวเอกสารที่ปรากฏในรหัสลูกค้าเป็นใคร ชื่อที่ได้รับระบุว่า เป็นผู้รับสินค้า ซึ่งจากการตรวจสอบลายเซ็นเห็นว่าเอกสารรับ มีลายเซ็นคล้ายกับสส.คนหนึ่งของพรรคการเมืองเดียวกับรมว.ยุติธรรม และเป็นสส.ระบบบัญชีรายชื่อ นอกจากลายเซ็นยังมีการระบุชื่อรหัสลูกค้าชัดเจนว่าชื่อใคร ยังมีพฤติกรรมก้าวก่าย คือ ให้ประชาชนพังดินกั้นน้ำ เปิดปิดประตูระบาย และอนุมัติของบริจาค ทั้งที่ทั่งหมดเป็นงานของเจ้าหน้าที่ประจำ 

อย่างไรก็ตาม กรณีที่รมว.ยุติธรรมกระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งตนไม่ทราบว่ากระทำผิดด้วยความจงใจ ไม่รู้ หรือ เมาหมัด แต่ต้องยอมรับความจริงว่า พบการกระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ ม. 265 ที่ระบุว่า สส.และสว. ต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่งสภาท้องถิ่น ผู้อบริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น สรุป คือ สส.ไม่สามารถดำรงตำแหน่งหรือมีหน้าที่ใดในหน่วยงานของรัฐ

ทั้งนี้ ศปภ.ตั้งขึ้นตาม พ.ร.ฎ.ประกอบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 มาตรา 11 (9 ) ลงวันที่ 8 ต.ค. ดังนั้น ศปภ. จึงเป็นหน่วยงานของรัฐ ถ้าสส.ไปดำรงตำแหน่งในศปภ.ไม่ว่าตำแหน่งใด ถือว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ และมาตรา 266 ที่ระบุว่า สส.และสว. ต้องไม่ใช้สถานะการเป็นสมาชิกเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซง ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางออก ในเรื่องการปฏิบัติราชการ หรือดำเนินการในหน้าที่ประจำของช้าราชการ รัฐวิสาหกิจ คือ ต้องไม่ก้าวก่าย แทรกแซง เพื่อประโยชน์ของตนเอง ผู้อื่น หรือพรรคการเมืองในทางตรงทางอ้อม หรือหน้าที่ประจำของข่าราชการ แต่ปรากฏว่า รมว.ยุติธรรมได้ลงนามในคำสั่งเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และ 266

“นั่นก็คือ ที่ 27/2554 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภค ได้มีการตั้งสส. 4 คนเป็นกรรมการ ประกอบด้วย นายการุณ โหสกุล นายสุรชาติ เทียนทอง นายวรชัย เหมะ และนายธนุศักดิ์ เล็กอุไท เท่ากับเป็นการลงนามให้สส.เข้าไปเป็นคณะกรรมการในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และผู้ลงนามในคำสั่งก็มีความผิด”

นอกจากนี้ ในวันที่ 22 ต.ค. ยังมีคำสั่งเรื่องมอบหมาย 26 / 2554 แต่งตั้งนายการุณ ไปทำหน้าที่ประสานสั่งการ ติดตามการปฏิบัติงานรับบริจาคและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ถือเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ 265 และ 266 แม้จะอ้างว่าได้ทำการยกเลิกคำสั่งไปแล้ว หลังจากที่ทราบว่าเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ และมีคำสั่ง 31 / 2554 ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้พ้นผิดจากรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว และได้ยอมรับชัดเจนว่าได้กระทำผิด มิเช่นนั้นจะออกคำสั่งยกเลิกทำไม ที่สำคัญแม้แต่ประชาชนยังไม่มีสิทธิอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย นี่รมว.ยุติธรรมท่านต้องเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

“ผมเห็นใจรมว.ยุติธรรมเข้าไปอาจจะเมาหมัด ใครลงมาก็เซ็น เรื่องนี้ไม่ว่าจะเหตุผลใด จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้  ขณะที่ได้ให้ความเห็นใจและเข้าใจ อาจจะผิดกฎหมาย โดยสุจริต แต่ไปตรวจดูคำสั่งถัดมาพล.ต.อ.ประชา ในฐานะผอ.ศปภ.วันที่ 31 ต.ค. มีคำสังที่ 39 / 2554 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาผอ.ศปภ. ให้นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเดียวกัน เป็นที่ปรึกษาผอ.ศปภ. เท่ากับว่ามีการทำผิดกฎหมายตามรัฐธรรมนูญซ้ำซาก ตรงนี้ที่นำมาสู่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจำเป็นต้องยื่นถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ต่อไป

พฤติกรรมอันสมควรไม่ไว้วางใจของพล.ต.อ.ประชา คือ การละเลยให้เกิดทุจริตหาประโยชน์จากเงินงบประมาณแผ่นดินและกองทุนบริจาค อีกทั้ง จะปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อไม้ได้ เพราะใช้เงินกองทุนบริจาคของสำนักนายกฯ ด้วยเหตุผล คือ 1.คำสั่งแต่งตั้งของศปภ. โดยนายกฯระบุชัดเจนถึงอำนาจหน้าที่ศปภ. ให้ถือเป็นหน่วยบัญชาการบูรณาการหน่วยงานภาคนรัฐ และเอกชนในการอำนวยการและช่วยเหลือแบบเบ็ดเสร็จ (วันสตอปเซอร์วิส)  มีอำนาจรับผิดชอบครอบจักรวาล  2. ผอ.ศปภ. มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ ลงนามอนุมัติซื้อเรือ 16 ต.ค. 54 อนุมัติจัดซื้อเรือของสตช.  วันที่ 7 พ.ค.  อนุมัติซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง ถือว่ามีอำนาจเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงิน

ดังนั้น ถุงยังชีพจะไม่อยู่ในความรับผิดชอบรวมทั้งการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบถุงยังชีพได้อย่างไร  โดยได้ออกคำสั่ง 6 พ.ย. ที่ 40 / 2554  ตั้งปลัดพณ. เป็นประธานตรวจสอบภายใน 3 วัน แต่ผลการตรวจสอบเพิ่งแถลงเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา บอกว่าไม่พบทุจริตการจัดซื้อ ขณะที่คนไทยทั้งประเทศมองว่าถุงยังชีพราคา  800 บาท แพงทุกรายการ แต่มีการสรุปว่าไม่แพง กรรมการตาถั่วหรือเปล่า หากไม่รมว.ยุติธรรมก็ใจถั่ว ปล่อยปละ และยอมรับผลสอบแบบนี้ได้อย่างไร ทราบหรือไม่ว่าเท่าที่ตรวจสอบใช้เงินงบประมาณถึง  2.5 พันล้านบาท ข้าวสาร ข้าวกล่อง เรือ แม้กระทั่งส้วม ก็กินส้วม ตนไม่สนหรือติดใจวิธีการจัดซื้อ เข้าใจว่าช่วงเร่งรัดต้องใช้วิธีพิเศษ แต่ที่ติดใจและตรวจสอบ คือ ราคา น้ำลด ตอเริ่มผุด ต้องถอกราก ถอนโคน ไม่ว่าการเมือง หรือฝ่ายประจำ

ระบุพบพิรุธ5ข้อรัฐออกพรฎ.อภัยโทษ

“ผมตั้งข้อกล่าวหาไว้เบื้องต้น เรื่องการออก พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ การเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมราชทัณฑ์ คือ รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้รับผิดชอบคดียุบพรรค สำคัญเพราะ อธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าของเรื่อง การออก พ.ร.ฎ.  ที่นักโทษต้องคุมขัง  เมื่ออธิบดีเห็นชอบฉบับเดินก็เกิดภาคพิสดาร ก่อนประชุมอังคาร 15 พ.ย. ที่ผ่านมา มีพ.ร.ฎ. ฉบับลับ ลวง เล่ห์ มีหลักการแตกต่างจากรมว.ยุติธรรม เคยลงนามเห็นชอบ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีพิรุธ 5 ข้อ คือ 1.หากเรื่องนี้ตั้งในถวายโดยสุจริต เป็นเรื่องก่อการดี ทำไมต้องประชุมลับ โดยปกติวาระพิจารณา เป็นวาระจร ไม่มีการไล่เจ้าหน้าที่ออก เพียงแต่จะมีการขอเก็บเอกสารในห้องประชุม 2.ทำไมต้องห้ามเปิดเผย 3.ทำไมรมว.ยุติธรรม ร่วมวางแผนตบตาประชาชนร่วมกับนายกฯ ที่บินไปค้างคืนที่จ.สิงห์บุรี ก่อนวันประชุม ครม.  เพื่อหนีข้อหาเอื้อญาติใช่หรือไม่ 4.ถ้าเรื่องที่ปรากฎเป็นข่าวไม่จริง ทำไมจึงไม่ปฏิเสธตั้งแต่วันแรก เรื่องจะได้จบ ไม่มีคนมาประท้วง และ 5. หากเรื่องนี้ไม่จริง ทำไมต้องรอจดหมายจากต่างประเทศ หรือรอปฏิเสธว่าไม่ขอรับพระราชทานอภัยโทษ จึงออกมา แสดงว่าเรื่องนี้มีใบสั่ง

นายจุริทนร์ ยังกล่าวว่า ตนไม่อยากตอบโต้ จะทำหน้าที่รับฟัง เพราะไม่มีเอกสารใดยืนยัน เนื่องจากเก็บเอกสารไว้หมด จะตบแต่งอย่างไรก็ทำได้ แต่รมว.ยุติธรรมรู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป เรื่อสับขาหลอก ตนเชื่อว่ากำลังเลี้ยงเดี่ยว กำลังยิงประตู เมื่อมีคนมาขวางก็กลับลำ 360 องศา สับขาหลอก เหมือนหยิบของไปแล้วถูกจับได้ก็เอาของมาคืน ตนสนับสนุนให้มีการออกพ.ร.ฎ.อภัยโทษ แต่พฤติกรรมไม่ไว้วางใจในงานยุติธรรม ทำให้มีคำถามว่า ว่าประชาชนและคนๆ เดียว ท่านเป็น รมว.ยุติธรรมของใครกันแน่ จึงไม่อาจไว้ว่างใจให้ ทำหน้าที่ต่อไปได้

เฉลิมสวนบอกฝ่ายค้านคิดไปเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายจุรินทร์ ได้อภิปรายจบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ขอใช้สิทธิพาดพิง โดยไม่ฟังคำคัดค้านของประธานในที่ประชุม และยืนยันว่าความพิรุธ  5 ข้อนั้น เป็นสิ่งที่ นายจุรินทร์ คิดเอง เมื่อรู้ว่าไม่มีเอกสารแล้วจะคิดเองทำเองได้อย่างไร หากว่าตนสับขาหลอก แล้วตนจะยืนได้อย่างไร ตนยืนยันว่าไม่จริง โดยระหว่างนั้นมีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกประท้วงของให้ประธานได้ควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอน