พงศพัศเชื่อตำรวจเจรจาม๊อบลำลูกการื้อกระสอบสำเร็จ

พงศพัศเชื่อม๊อบลำลูกการื้อกระสอบฯสายไหมเจรจาได้ พร้อมให้จับตา 48 ชม.หลังรื้อบิ๊กแบ๊กแยกคปอ. หากน้ำในกทม.เพิ่มจะกลับไปทำฝายน้ำล้นตามเดิม

วันที่ 18 ก.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดเผยถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา  (17 ก.ย.) ที่มีผู้ขว้างประทัดยักษ์เข้าใส่ฝูงชนบริเวณแนวกระสอบทรายคลอง 6 วาสายล่างว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า คนร้ายขี่จักรยานยนต์ขึ้นมาบริเวณสะพาน ฝั่งสายไหม และปาประทัดข้ามไปยังฝั่งคูคต จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 คนดังกล่าว อย่างไรก็ตามพบว่า ผู้บาดเจ็บบางคนสามารถจดจำใบหน้าและเบาะแสของผู้ที่ก่อเหตุได้ และอยู่ในระหว่างให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากมีเบาะแสก็สามารถแข้งไปยังตำรวจสน.สายไหมได้โดยตรง สำหรับการเจรจา ของทั้งฝั่งคูคตและสายไหมนั้น พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะเข้าไปเป็นเจ้าภาพในการเจรจาว่าข้อเรียกร้องใดสามารถทำได้ และทำไม่ได้บ้าง

โฆษกศปภ.กล่าวอีกว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีความเป็นห่วงในเรื่องของการรื้อทำลายบิ๊กแบ๊กในจุดต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามลงพื้นที่เพื่อเจรจา ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้เห็นถึงผลกระทบและพยายามจะไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังจากตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธรภาค 1 และกองบังคับการตำรวจนครบาล  ไว้ดูแลแนวบิ๊กแบ๊กดังกล่าวอย่างเข้มงวดควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ภายหลังการเจรจาในวันพรุ่งนี้ก็น่าจะได้ข้อสรุป ที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ

สำหรับกรณีที่มีประชาชนหลายเดือดร้อนจากการวางแนวบิ๊กแบ๊คที่บริเวณสี่แยกคปอ.จนต้องรื้อออกนั้น พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า คงจะมีการพิจารณาเป็นส่วน ๆ ไป ซึ่งทางศปภ.เองก็มีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าประชาชนต้องทนกับปัญหาน้ำเน่าเสีย และต้องหาทางระบายน้ำบางส่วนออกไป ซึ่งทางศปภ.ก็คงต้องติดตามแก้ปัญหาประชาชนในส่วนนี้อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ศปภ.และกทม.จะจับตาน้ำใน 48 ชม.ภายหลังจากการรื้อแนวบิ๊กแบ๊กออกอย่างใกล้ชิดว่า จะมีผลทำให้น้ำในพื้นที่ต่างๆของกทม.สูงขึ้นหรือไม่ หากมีผลทำให้สูงขึ้น อย่างที่ตกลงกับประชาชนในแถบนั้นไว้ตั้งแต่แรก ก็จะกลับไปทำให้เป็นฝายน้ำล้นอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

เมื่อถามว่า ทิศทางของน้ำที่ล้นออกจากแนวบิ๊กแบ๊กจะส่งผลกระทบทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางชันหรือไม่นั้น พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ทิศทางน้ำที่ระบายออกไปนั้น คงไม่ส่งผลกระทบทำให้น้ำเข่าท่วม และจากการประเมินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งศปภ.และกทม.ก็พบว่านิคมอุตสาหกรรมบางชันยังคงมีความพร้อมในการรับมือกับปริมาณน้ำดังกล่าว จึงยังไม่น่าวิตกมากนัก

ส่วนสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯขณะนี้นั้น พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่าขอชื่นชมระบบการระบายน้ำของกทม.ที่สามารถระบายน้ำให้เข้าสู่ระบบได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลทันตา สังเกตได้จากถ.วิภาวดีบริเวณด้านหน้าอาคารเอเนอร์จี คอมเพลกซ์และห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ทำการของศปภ.ลดลงอย่างรวดเร็วจนแห้งสนิทภายในไม่กี่วัน จึงเชื่อว่าหากน้ำเริ่มเข้าสู่ระบบการจัดการของกทม. สถานการณ์ต่าง ๆ ก็น่าจะดีขึ้นในที่สุด