posttoday

ไฟเขียวคืนภาษีรถเริ่ม16ก.ย.คาดใช้เงิน3หมื่นล.

13 กันยายน 2554

ครม.ไฟเขียวคืนภาษีรถคันแรกเริ่ม 16ก.ย.นี้ เชื่อใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาท พร้อมยืดลดภาษีดีเซลถึงสิ้นปี

ครม.ไฟเขียวคืนภาษีรถคันแรกเริ่ม1ต.ค.นี้ เชื่อใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาท พร้อมยืดลดภาษีดีเซลถึงสิ้นปี

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการคืนภาษีรถคันแรกตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเชื่อว่าผลจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้ภาคอุตสากรรมรถยนต์ขยายตัวและมียอดขายรถยนต์ในปี 2555 เพิ่มขึ้น 5 แสนคัน โดยเบื้องต้นได้ประมาณการภาษีที่ต้องคืนให้กับประชาชนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท

ไฟเขียวคืนภาษีรถเริ่ม16ก.ย.คาดใช้เงิน3หมื่นล.

ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท ให้กับประชาชนที่ซื้อรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2554 ถึง 31 ธ.ค.2555 เพื่อไม่ให้ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ชะลอตัว โดยกำหนดให้สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1500 ซีซี ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยจะต้องเป็นรถยนต์นั่ง รถกระบะ กระบะดับเบิ้ลแคป เท่านั้น 

"ที่ประชุมครม. เป็นห่วงว่าหากเริ่มมาตรการนี้ในวันที่ 1 ต.ค. 2554 อาจทำให้คนชะลอการซื้อ จึงเห็นควรว่าให้เริ่ม 16 ก.ย. นี้แทน " นายบุญทรงกล่าว

ทั้งนี้การคืนภาษีนั้นจะมีการทยอยคืนภายใน 1 ปีหลังจากซื้อขายรถยนต์ โดยจะจ่ายคืนเช็ค โดยมีเงื่อนไขห้ามเปลี่ยนมือเด็ดขาดภายใน 5 ปี โดยหากมีประชาชนรายใดเปลี่ยนมือจะต้องมีแนวทางคืนเงินภาษีให้กับกรมสรรพสามิตต่อไป พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวทางกระทรวงการคลังจะเรียกผู้ประกอบการยานยนต์รายใหญ่มาหารือเพื่อชี้แจงมาตรการที่ครม.ได้อนุมัติไปในวันที่ 14 ก.ย.นี้

ด้าน นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ยังมีมติต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นปี 2554 จากเดิมที่หมดอายุเดือน ก.ย.นี้

สำหรับหลักเกณฑ์และแนวทางดำเนินการในโครงการดังกล่าวมีดังนี้

หลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก

1.เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555

2.เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน

3.เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)

4.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)

5.คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน

6.ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

7.ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี

8.การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี  ไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป)

แนวทางการดำเนินงาน

1.ผู้ซื้อรถยนต์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้

-หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี

-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ

-สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)

2.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ

3.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

4.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่

5.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป