posttoday

ปูยันไม่ใช้ความเป็นนายกฯช่วยทักษิณ

16 สิงหาคม 2554

นายกฯปัดตั้งสุรพงษ์ตามใบสั่งทักษิณยันดูที่ความสามารถพอใจหน้าตาครม.70%ขอ1ปีเห็นผลงานรัฐบาล

นายกฯปัดตั้งสุรพงษ์ตามใบสั่งทักษิณยันดูที่ความสามารถพอใจหน้าตาครม.70%ขอ1ปีเห็นผลงานรัฐบาล

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ซึ่งออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง3 ว่า ได้วางบาทบาทของตนเองในฐานะนายกฯ กับความเป็นน้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะเข้ามาทำงานในฐานนายกฯ เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน มีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบ แต่จะไม่ให้ความช่วยเหลือในด้านคดีความของพี่ชาย ที่ต้องว่ากันไปตามระบบนิติธรรม เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซง ส่วนกระแสวิจารณ์ที่ว่ารัฐบาลใหม่กำลังให้ความช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นดุลพิจนิจของแต่ละส่วน แต่ละบุคคล แต่หน้าที่สำคัญของการเป็นนายกฯคือ การเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเปิดถึงกรณีประเทศญี่ปุ่นออกวีซ่าให้พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศเป็นกรณีพิเศษว่า เท่าที่ทราบบริษัทเอกชนได้เชิญพ.ต.ท.ทักษิณไปบรรยายพิเศษด้านเศรษฐกิจ และเยี่ยมสถานที่ประสบภัยสึนามิ ก่อนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็เป็นหน้าที่ของญี่ปุ่นที่จะต้องสอบถามมายังรัฐบาล ขอยืนยันว่า ในด้านการต่างประเทศไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงได้ไม่มีอะไรที่ต้องไปทำเป็นพิเศษ และเท่าที่สอบถามไปยังนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ก็ไม่มีนโยบายกีดกันขัดขวางว่าได้ว่าไปตามกระบวนการ ส่วนจะพิจารณาตัดสินใจอย่างไรถือเป็นเรื่องของรัฐบาลญี่ปุ่น

นายกฯ ยังยืนยันว่า นายสุรพงษ์ถือเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมในตำแหน่งรมว.ต่างประเทศหลังจากที่โพลเผยผลสำรวจว่ารู้สึกผิดหวัง ขอให้อย่าไปดูที่หน้าตาเพียงอย่างเดียวเพราะงานด้านการต่างประเทศ ต้องเข้าใจธรรมเนียมทางการทูต ซึ่งนายสุรพงษ์ ถือว่ามีความสามารถ เคยผ่านงานบริษัทเอกชน ติอดต่อกับระดับนานนาประเทศ เข้าใจการติดต่อ จบดอกเตอร์ และมีความมุ่งมั่นจะเข้ามาทำงานในด้านนี้ ซึ่งต้องทำหน้าที่ เจรจาด้านการค้า เพิ่มความสัมพันธ์กับนานาชาติ ถือว่า เป็นบุคคลที่เจราจรได้ดี เข้าใจมีความรู้ประสบการณ์ธุรกิจมาก่อน ต้องทำให้เกิดความร่วมมือในหลายด้านที่ยังไม่สานต่อเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

"การตั้งคุณสุรพงษ์ ไม่ใช่จากท่านทักษิณ เป็นการหารือภายในคณะกรรมการพรรค มองที่ผลงาน อยากให้โอกาสรัฐมนรีแต่ละท่านทำงานก่อนเพราะตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ครม.30กว่าที่นั่งเลือกเองทั้งหมด บางส่วนมาจากการกลั่นกรองภายใน เพราะเป็นนายกฯต้องเลือกบุคคลที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมงาน ซึ่งก็พอใจในหน้าตาครม.70เปอร์เซ็นต์ในกว่า30รมต. แต่ละท่านอาจหน้าใหม่ แต่เมื่อดูจากคุณสมบัติเบื้องต้น ก็มั่นใจว่า เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทั้งความรู้เฉพาะตัว ประสบการณ์ในการทำงาน คนนอกที่เข้ามาร่วมครม.ก็มาจากพูดคุยทาบทาม ครม.นี้ถืออว่าคนนอกมาเยอะ มีสัดส่วนที่พอสมควร บางคนยอมรับว่ามีชื่อผ่านสื่อแต่ไม่เคยทาบทาม" นายกฯกล่าว

นายกฯ กล่าวถึงกรณีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้มีชื่อร่วมงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าแกนนำเสื้อแดงไม่มีความรู้ความสามารถ การทำงานต้องมองทั้งองคาพยพ แต่ละท่านก็ตั้งใจว่าจะเข้ามาทำงาน ไม่ได้คิดว่าจะเกิดความไม่ปรองดอง หรือต้องการลดกระแส คนเสื้อแดงก็มีอุมกการณ์อยากเห็นบ้านเมืองก้าวในข้างหน้า งานการเมืองยังอีกหลายบทบาท ทั้งงานในสภาและหลายอย่าง หลายด้านที่สามารถเข้ามาทำงาน

"อย่างคุณณัฐวุฒิส่วนตัวเองเห็นว่ามีความสามารถ ที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เพราะต้องการให้ไปช่วยรัฐบาลทำงานในสภา และการเข้าไปทำงานในพื้นที่ในฐานะสส. คิดว่าแกนนำเสื้อแดงไม่ติดใจ ไม่ติดข้าง คุณณัฐวุฒิถือเป็นคนเก่ง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง" นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภาในวันที่ 24ส.ค.นี้ จะมีการบรรจุเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ300บาท และเงินเดือนปริญญาตรี1.5หมื่นบาท ไว้ในคำแถลงนโยบายตามที่หาเสียงไว้ อย่างไรก็ตามก็ต้องมีการหารือกับหลายฝ่าย หรือไตรภาคี เพื่อเตรียมความพร้อมในหลายด้าน จากนั้นจะคุยในแผนปฎิบัติ การดูเรื่องของเวลา มีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะงบประมาณรายจ่ายประจำปี ต้องทำในเดือนตุลาคม แต่รัฐบาลเก่ายุบสภาเสียก่อน บางนโยบายสามารถดำเนินการได้เลย

ดังนั้นคาดว่าจะเห็นนโยบายของรัฐบาลใหม่ทำได้จริงเป็นรูปธรรมในเดือนก.พ.ปีหน้า ส่วนนโยบายเงินเดือน15,000บาทา และลดภาษีจะเริ่มในวันที่ 1ม.ค.2555 ซึ่งในส่วนของภาคราชการทำได้ทันที ขณะที่ภาคเอกชนก็อยู่ที่ความพร้อม

"การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ดิฉันขอโอกาส1ปี จะเห็นผลงานอย่างแน่นอน แต่ใน3เดือน 6 เดือนข้างหน้านี้ ต้องให้เห็นว่ารัฐบาลมีความพยามผลักดันทุกเรื่อง รวมถึงการสร้างความปรองดองในชาติ ขณะนี้เศรษฐกิจที่ซบเซาในสหรัฐ และยุโรปกำลังส่งผลดีต่อเอเซีย จึงไม่ให้ประเทศไทยพลาดโอกาสนี้ ดิฉันทำคนเดียวไม่ต้องก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน"นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ไปขอพบกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์  ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุญ แต่ก็มีความตั้งใจว่าหากพล.อ.เปรมให้โอกาสเข้าพบก็จะไป คงไปขอคำแนะนำในฐานะท่านเป็นผู้ใหญ่ เพื่อขอคำแนะนำ.