posttoday

โพลชี้ "มาร์ค" มีภาวะผู้นำเพิ่ม

14 กุมภาพันธ์ 2553

ผลสำรวจเอแบคโพล ระบุ ดัชนีความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น แต่หวั่นเสียความน่าเชื่อเพราะคนรอบข้าง

ผลสำรวจเอแบคโพล ระบุ ดัชนีความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น แต่หวั่นเสียความน่าเชื่อเพราะคนรอบข้าง

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในหัวข้อ เสียงของสาธารณชนต่อดัชนีความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากตัวอย่างประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัด จำนวน 1,109 ครัวเรือน พบว่า ดัชนีความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ โดยเปรียบเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดือนสิงหาคมของปีที่ผ่านมา ในเกือบทุกตัวชี้วัด ผลสำรวจสูงกว่าในช่วงเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา เช่น ด้านการควบคุมอารมณ์ได้ดี สูงขึ้นจากร้อยละ 73.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 86.1 ด้านความรู้ความสามารถ จากร้อยละ 61.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 84.3 ด้านความเคร่งครัดต่อหลักศีลธรรม จากร้อยละ 71.4 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 77.9 ด้านความซื่อสัตย์สุจริต จากร้อยละ 68.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 75.4 และด้านความน่าเลื่อมใสศรัทธา จากที่ร้อยละ 64.9 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 74.1

ผลสำรวจยังเป็นห่วงในเรื่องการเสียความน่าเชื่อถือ เพราะคนใกล้ชิดรอบข้าง โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.6 และประชาชนไม่ถึงครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47.3 ที่ระบุว่า นายอภิสิทธิ์มีความรวดเร็ว แก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน และจำนวนมากหรือร้อยละ 45.1 ที่มองว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการให้ประโยชน์พวกพ้องของตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายและเป็นสัญญาณเตือนภัยต่อสถานภาพความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.3 ทราบข่าวกรณีการขว้างปาสิ่งปฏิกูลเข้าไปในบ้านพักนายกรัฐมนตรี และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.6 มองว่า เป็นการคุกคามนายกรัฐมนตรี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 55.1 สูญเสียความเชื่อมั่นต่อตำรวจเรื่องการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยะ 73.4 ยังคิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองบางกลุ่ม ในขณะที่เพียงร้อยละ 14.5 คิดว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ

อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.0 ยังคงเชื่อมั่นว่าการปกครองแบบประชาธิปไตยจะสามารถนำพาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้มากกว่า การปกครองแบบอื่น