ฟ้าหลังฝนที่ช่อง 5
โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์
******************
ในขณะที่ฝนฟ้าคะนอง มองอะไรไม่ค่อยเห็น หรือเห็นแต่ภาพลาง ๆ วันนี้ พายุหาย ฟ้าใสแล้ว จึงขอเขียนย้อนหลังไปถึงสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 หรือ ทีวีสี ช่อง 5 สักนิด หวังว่าคงไม่เป็นข่าวเก่าไป
ไม่น่าเชื่อว่าสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งสนามรบอยู่ห่างไกลเมืองไทยเป็นพันไมล์ จะส่งผลกระทบมาถึงโทรทัศน์ช่อง 5 ในขณะที่สถานีอื่น ๆ ไม่มีปัญหากับข่าวสงครามรัสเซีย – ยูเครนแต่อย่างใด
คืนวันหนึ่ง ผู้เขียนดูโทรทัศน์ช่องไหนจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นข่าวสองทุ่ม เห็นข่าวหนึ่งที่ผู้แทนจากสถานทูตยูเครน จะเป็นตัวท่านทูตเองหรือที่ปรึกษาก็ไม่ทราบ กำลังต่อว่ากับสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งน่าจะทำงานอยู่ที่ช่อง 5 หาว่า โทรทัศน์ช่อง 5 ซึ่งเป็นช่องของทางการไทยลงข่าวไม่เป็นกลาง โดยรายงานสถานการณ์สงครามจากฝ่ายรัสเซียด้านเดียว บลาๆๆๆๆ ข่าวรายงานตบท้ายว่า ตัวแทนสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 รับรองว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ทำให้ผู้เขียนหงุดหงิดพอสมควรกับท่าทีของคนที่อ้างว่าเป็นคนของสถานทูตยูเครน กับคนไทยที่ถูกต่อว่าที่ทำท่ายอมรับผิดทุกประการกับข้อกล่าวหาโดยรับว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้อีก ส่วนหนึ่งเข้าใจได้ว่า อาจพูดไปแบบนั้นเพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ ไป แต่ก็เหมือนกับเรายอมรับผิดตามคำกล่าวหาทุกประการ
โดยทั่วไป ในการรายงานข่าว เขาก็จะบอกแหล่งที่มาของข่าวก่อนทุกครั้ง เช่น สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า.........เพื่อให้รู้ว่าแหล่งข่าวมาจากไหน ส่วนคนดูคนฟังคนอ่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่
สถานทูตยูเครนต้องทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์และชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ จึงไม่แปลกใจที่ทูตต้องทำหน้าที่นี้ แต่ทำไมทูตยูเครนไม่ไปทำข้อตกลงกับช่อง 5 ที่จะส่งข่าวมาให้เหมือนอย่างที่สถานทูตรัสเซียทำข้อตกลงกับช่อง 5ก่อนหน้านี้ในการที่จะส่งข่าว “ รัสเซีย ทูเดย์ ”หรือ RT มาให้ช่อง 5 พิจารณานำเสนอข่าวตามที่เห็นสมควร
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ผอ.ช่อง 5 ได้เปิดช่องให้สถานทูตยูเครนส่งข่าวมาให้ช่อง 5 เพื่อพิจารณานำเสนออีกด้านหนึ่งของคู่ขัดแย้ง จะได้ไม่ต้องมาต่อว่ากันอีก
1-2 วันหลังจากนั้น ช่อง 5 ได้รายงานข่าวผู้อำนวยการพาทีมไปยังสถานทูตยูเครน/กทม. และแสดงความกระตือรือร้นการทำความตกลงให้สถานทูตส่งข่าวฝ่ายยูเครนมาให้สถานีได้ บางคนวิจารณ์ว่า ผู้อำนวยการไม่จำเป็นต้องไปถึงสถานทูตซึ่งเป็นเขตอาณาของยูเครนก็ได้ เพียงเชิญทูตมาที่สถานีเพื่อพูดคุยหรือทำความตกลงกัน เขาก็ขี้คร้านจะรีบมาด้วยซ้ำ เพราะจะได้ออกข่าวจากยูเครน และเป็นผลงานของตัวเองที่จะรายงานไปยังกระทรวงต่างประเทศที่เมืองเคียฟ บางทีท่านอาจจะคิดว่าเมื่อทำข้อตกลงกับรัสเซีย เราก็ไปที่สถานทูตรัสเซีย ดังนั้น เมื่อทำข้อตกลงกับยูเครน ก็ควรไปสถานทูตยูเครนเพื่อให้เท่ากัน จะได้ไม่ต้องมาต่อว่ากันทีหลัง ก็ได้
เรื่องนี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ได้วางตัวเป็นกลางอย่างเหมาะสมในการนำเสนอข่าว ถ้ามีข่าวของคุณเราก็ออกข่าวให้ ถ้าไม่มีข่าวเราก็ไม่รู้จะออกข่าวอะไร ถ้าอยากจะส่งข่าวมา เราก็เลือกเสนอให้เท่าเทียมกับฝ่ายอื่นตามจังหวะเวลาที่สมควร แต่จะมาบังคับให้เราเสนอเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะข่าวเพื่อโฆษณาชวนเชื่อและทำให้คนอื่นเสียหาย
หลายคนอาจไม่ทราบว่า ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ได้ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนข่าวกับสถานทูตรัสเซียและสำนักข่าว ซีเอ็มจี.ของจีน ในการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน โดยช่อง 5ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด จากนั้น สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 จะคัดเลือกข่าวที่ได้รับอีกทีหนึ่งเสนอต่อประชาชน พร้อมบอกที่มาของข่าว เพื่อให้ผู้ชมพิจารณาเอาเองว่าจะเชื่อถือหรือไม่อย่างไร
อีกด้านหนึ่ง ช่อง 5 ก็ได้มีข้อตกลงกับสถานทูตอิหร่านในการแลกเปลี่ยนข่าวซึ่งกันและกันเช่นกัน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้ผู้ชมได้รับรู้สถานการณ์ในตะวันออกกลางได้จากอีกแหล่งหนึ่ง
บางคนอาจสงสัยว่า แล้วช่อง 5 ไม่มีข่าวจากสำนักข่าวฝรั่ง เช่น ซี.เอ็น.เอ็น. หรือ เอ.พี.ของอเมริกัน หรือรอยเตอร์จากอังกฤษ ฯลฯ มานำเสนอบ้างหรือ เท่าที่เคยทราบมาว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ได้พึ่งพาข่าวจากสำนักข่าวอเมริกันเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดโดยต้องจ่ายเงินซื้อปีละหลายล้านบาท แล้วแต่สำนักข่าวใดจะให้เงื่อนไขดีที่สุด เพิ่งจะมีปีนี้ที่ได้ของฟรีจากรัสเซีย จีน อิหร่าน และยูเครน ในห้วงต่อไป สถานีอาจได้ของฟรีจากสำนักข่าวอื่นอีกก็ได้ กล่าวคือ ให้เรามาและเราเป็นคนเลือกข่าวเอง
ที่ผ่านมา ข่าวต่างประเทศของช่อง 5 ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดมาจากฝรั่งอเมริกันหรือฝั่งอังกฤษเป็นสำคัญ มีสมัยนี้นี่แหละที่ช่อง 5 เสนอข่าวรอบด้าน ซึ่งมีที่มาจากสำนักข่าวของรัฐ เช่น จากรัสเซีย ยูเครน จีน อิหร่าน ให้กับผู้ชมได้ข้อมูลที่หลากหลาย การทำข้อตกลงแต่ละครั้งก็ได้มีการเปิดตัวแบบสุด ๆ ในการลงนามในข้อตกลงสองฝ่าย หากใครตามชมข่าวช่อง 5 ก็ได้เห็นไปแล้ว และได้มาฟรีโดยไม่เสียเงินสักบาท
ผู้อำนวยการช่อง 5 คนนี้ ได้รับการชื่นชมจากคอลัมนิสต์หลายคนในสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ สรุปได้ว่า ผู้อำนวยการคนปัจจุบันเป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างขวาง ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก แทนที่จะเสนอข่าวจากอเมริกันฝ่ายเดียว ก็นำเสนอข่าวจากฝ่ายจีน รัสเซีย ซึ่งเป็น “ตัวเล่น” สำคัญทางยุทธศาสตร์โลก รวมทั้งเสนอข่าวจากตะวันออกกลาง คือ อิหร่าน ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ( ต่อไป อาจต้องเสนอข่าวจากซาอุดีอาราเบีย บ้างเพื่อคานกับข่าวจากอิหร่าน (โดยเราเพิ่งรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาราเบียร์ ) เมื่อเกิดสงครามรัสเซีย – ยูเครน ช่อง 5 ก็นำเสนอข่าวจากคู่สงครามทั้งสองฝ่าย และข่าวของประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนี้ด้วย โดยระมัดระวังไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เสียงชมต่อผู้อำนวยการคนนี้ผ่านไปไม่กี่วันสถานทูตยูเครนก็ทำเรื่องซะแล้ว จนผู้อำนวยการต้องมีหนังสือถึง ผบ.ทบ.ขอลาออกเอง ทำให้กองเชียร์งงไปตามๆ กัน
ผู้เขียนยอมรับว่าตนเองไม่ได้เป็นแฟนช่อง 5 แต่อย่างใด เพราะเปิดดูช่อง 5 ทีไรก็เจอแต่โฆษณาชายสินค้า ขายเสื้อผ้าผู้หญิง ขายฯลฯ คล้ายกับทีวีดิจิตอลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ (ได้แต่อาศัยดูข่าวสองทุ่มเท่านั้น ) สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทยตั้งขึ้นสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แต่ก็ยอมรับความจริงที่ว่า สถานีต้องทำทุกอย่างเพื่อจะหารายได้เข้าสถานี เพราะแม้จะเป็นสถานีทหาร แต่กองทัพไม่ได้จัดสรรงบประมาณประจำปีให้แต่อย่างใด ตรงกันข้าม ในยามที่สถานีมีกำไรมาก ๆ ยังต้องสนับสนุนกองทัพด้วยซ้ำ
สิ่งที่เกิดขึ้นพอเข้าใจได้ว่า ภายใต้การแข่งขันอย่างดุเดือด รายได้ของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้คงไม่ดีนักจนต้องหาโฆษณาทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของสถานี ยิ่งมาเจอวิกฤติโควิด 19 ที่กระทบเศรษฐกิจทั่วไป ทุกคนในสถานีต้องทำงานเหนื่อยมากขึ้น ที่น่าชื่นชมคือ ผู้บริหารไม่มีนโยบาย “เลย์ออฟ” พนักงาน ไม่มีการลดเงินเดือนและค่าจ้าง เหมือนกับธุรกิจเอกชนหลายแห่ง ส่วนโบนัสประจำปีนั้นไม่ต้องพูดถึง
ต้องชมผู้อำนวยการคนสุดท้าย ( เวลานี้กลายมาเป็นที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว ) และทีมงาน ซึ่งเข้ามาช่วยกู้วิกฤติของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และต้องชมพนักงานทุกคนของช่อง 5 ที่ทำงานเหนื่อยเป็นสองเท่าเพื่อช่วยกันกูวิกฤติขององค์กร โดยเฉพาะการดึงทีมข่าวของสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เข้ามาช่วยในการนำเสนอและวิเคราะห์ข่าว นับแล้วประมาณ 7 ชั่วโมงต่อวัน
ไปทางไหนก็มีคนพูดถึงการปรับโฉมใหม่ของช่อง 5 ด้านข่าว ซึ่งดึงแฟน ๆ ของพี่ปอง คุณกนก คุณธีระ คุณสันติสุข ฯลฯ จากท็อปนิวส์ตามมาด้วย ทำให้ช่อง 5 ดูคึกคักขึ้น เพื่อนฝูงคนรู้จักพูดถึงช่อง 5 มากขึ้น ท็อปนิวส์ซึ่งเป็นทีวีดาวเทียมก็มีอีกพื้นที่หนึ่งที่สามารถให้ความรู้ความเข้าใจกับสถานการณ์บ้านเมือง ถือว่า “วิน-วิน” ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
คนที่ดูช่อง 5 คงรู้สึกเหมือนกันว่า ขณะนี้ เรตติ้ง หรือ คะแนนนิยมของทีวีช่อง 5 น่าจะสูงขึ้น แต่จะเอาความรู้สึกอย่างเดียวมาตัดสินคงไม่ได้ เพราะดูไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ต้องไปถามภาคเอกชนซึ่งทำหน้าที่ประเมิน “เรตติ้ง” ของสถานีโทรทัศน์ทั่วไป ปรากฎว่า เรตติ้งหรือความนิยมต่อโทรทัศน์ช่อง 5 ดีขึ้นจริง จากก่อนนั้นอยู่ในระดับท้าย ๆ หรือรองโหล่ ( ทีวีดิจิตอลประมาณ 20 ช่อง จากที่เคยมีคนดูสูงสุดประมาณ 1.5 หมื่นคน ( ซึ่งถือว่าน้อยมาก) ขยับขึ้นมาเป็น 3 หมื่นคน หรือ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้านับจำนวนหัวคนดูยังถือว่าต่ำมาก พอทีมงานข่าว “ท็อปนิวส์” เข้ามา เรตติ้งพุ่งพรวด โดยมีคนดูช่อง 5 ในช่วงสูงสุดเป็นร่วมแสนคนแล้ว แฟน ๆ ที่ไม่มีกล่องดำและดูท็อปนิวส์ไม่ได้ ก็มาดูที่ช่อง 5 แทน
หลังจากคนดูสับสนกันวันสองวันในช่วงที่ทีมข่าวท็อปนิวส์จะอยู่ช่อง 5 ต่อไปหรือไม่ ในที่สุด แฟนคลับก็หายใจโล่งอกเมื่อทีมข่าวท็อปนิวส์ยังช่วยงานข่าวของช่อง 5 ต่อไป แม้ว่าจะขาด “เจ๊ปอง” ไปคนหนึ่งก็ตาม แฟน ๆ ก็ยังคอยอยู่ด้วยความคิดถึง
เมื่อจำวนคนดูเพิ่มสูงขึ้น โฆษณาก็จะตามมา รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว สถานีอยู่ได้ พนักงานอยู่ได้ แฟนช่อง 5 ก็แฮบปี้
สำหรับอดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ที่มีความตั้งใจจริงที่จะทำให้ช่อง 5 ผ่านวิกฤติไปให้ได้ ท่านก็ยังอยู่ต่อในตำแหน่งที่ปรึกษา เพื่อช่วยผู้อำนวยการคนใหม่สานงานต่อไปฟื้นสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ให้กลับมายิ่งใหญ่เช่นเดิม และขอให้กำลังใจท่านและพนักงานช่อง 5 ทุกคนฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปให้ได้ และช่อง 5 กลับมาเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมเช่นเดิม ( จบ )