posttoday

ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สวีเดนปัจจุบันมาจากสามัญชนชาวฝรั่งเศส (2)

11 กุมภาพันธ์ 2564

โดย...ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร

**************

หลังจากสวีเดนเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบที่ขอเรียกแบบบ้านๆว่า “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” มาเป็นระบอบพระมหากษัตริย์พระราชอำนาจจำกัด (ครั้งที่สอง—ครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1718-1772) ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 1809 นอกจากคณะบุคคล ค.ศ. 1809 (ที่สวีเดนเขาเรียกคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบนี้จริงๆครับ !) จะขอให้พระเจ้ากุสตาฟที่สี่สละราชสมบัติแล้ว ยังให้รัฐสภาลงมติตัดสิทธิ์การสืบราชสันตติวงศ์ของพระราชโอรสทั้งหมดของพระองค์ด้วย

แต่ต่อมาเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1810 Karl August มกุฎราชกุมารแห่งสวีเดนสิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน จนทำให้ต้องมีการสรรหาและเสนอชื่อมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ต่อรัฐสภาสวีเดน ซึ่งมีชื่อของ Frederick Christian Duke of Augustenburg พระเชษฐาของ Karl August และพระเจ้า Frederik VI กษัตริย์แห่งเดนมาร์ก-นอร์เวย์ ซึ่งทั้งสองพระองค์มีสายสัมพันธ์กับราชวงศ์สวีเดนในอดีต

แต่ขณะนั้น ยุโรปอยู่ภายใต้เงาของนโปเลียน รัฐบาลสวีเดนจึงส่งนายทหารชื่อ Moener ไปฝรั่งเศสเพื่อขอความเห็นจากนโปเลียนว่าพระองค์จะสนับสนุนผู้ใด แต่ชื่อที่ฝาก Moener ไปเสนอเป็นชื่อแรกคือ Frederick Christian

ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สวีเดนปัจจุบันมาจากสามัญชนชาวฝรั่งเศส (2)

 Frederick Christian Duke of Augustenburg Frederik VI พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก-นอร์เวย์

แต่ Moener และคนสวีเดนจำนวนไม่น้อย “มีความวิตกกังวลต่อปัญหาการสรรหามกุฎราชกุมารสวีเดน" เพราะหากไม่ลงตัว สวีเดนอาจจะเข้าสู่การปฏิวัติที่นำไปสู่ ‘ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว’ (the Reign of Terror) อย่างที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าวนั้นได้ยุติลงหลังจากที่ฝรั่งเศสได้ผู้นำที่เข้มแข็งอย่างนโปเลียน ที่นอกจากจะยุติวิกฤตภายในประเทศแล้ว ยังนำฝรั่งเศสไปสู่การมีอิทธิพลในยุโรปด้วย และด้วยเหตุนี้ คนสวีเดนจำนวนมากจึงต้องการบุคคลที่มีความเข็มแข็งเข้ามาบริหารแผ่นดิน ลัที่น่ากังวลคือ ทั้งสองพระองค์นั้นไม่ได้เป็นผู้นำทหารที่มีประสิทธิภาพความสามารถ

ด้วยเหตุนี้ Moener จึงตัดสินใจไปทาบทาม ฌอง แบบติส เบอร์นาดอตต์ (Jean Baptiste Bernadotte) นายทหารชาวฝรั่งเศส บุตรของนักกฎหมาย เป็นนายทหารมือหนึ่งคนสนิทของนโปเลียน และได้รับแต่งตั้งจากนโปเลียนให้เป็นเจ้าครองนคร Ponte Corvo ซึ่งเบอร์นาดอตต์ตอบรับคำเสนอ แต่ติดอยู่ที่นโปเลียนว่าจะสนับสนุนหรือไม่ เพราะแม้ว่าเบอร์นาดอตต์จะเป็นทหารคนสนิทของเขา

แต่ทั้งสองก็มีความแตกต่างและขัดกันอยู่ในที และเป็นไปได้ว่านโปเลียนอาจจะเห็นว่า หากเบอร์นาดอตต์เป็นกษัตริย์สวีเดน ก็อาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งของตนได้

ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สวีเดนปัจจุบันมาจากสามัญชนชาวฝรั่งเศส (2)

               Otto Moerner ผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้สวีเดนได้พระมหากษัตริย์เป็นนายทหารชาวฝรั่งเศส

ในความเห็นของนโปเลียนเกี่ยวกับผู้ที่จะเป็นมกุฎราชกุมารสวีเดนหรือพูดง่ายๆก็คือเป็นพระมหากษัตริย์สวีเดนต่อไป นโปเลียนไม่เห็นด้วยที่จะให้ Frederick VI เป็นพระมหากษัตริย์สวีเดนควบกับการเป็นพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก-นอร์เวย์ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือการเกิดสหภาพสแกนดิเนเวียขึ้นอีกครั้งหนึ่ง อันจะเป็นอุปสรรคสำหรับการครองอำนาจนำของนโปเลียนในยุโรปเหนือ ในทีแรก นโปเลียนไม่ได้เสนอชื่อเบอร์นาดอตต แต่เสนอชื่อ Eugene de Beauharnais นายทหารที่มีความสามารถและเป็นบุตรบุญธรรมของนโปเลียนที่เป็นลูกติดของ Joséphine Tascher de la Pagerie ภริยาคนแรกของนโปเลียน แต่ Eugene ปฏิเสธ

จริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้ว่านโปเลียนคิดอย่างไรเมื่อเขาทราบว่า Moener ได้ยื่นข้อเสนอต่อเบอร์นาดอตต์ เพราะโดยทางการแล้ว นโปเลียนไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับอย่างใด แต่มีเรื่องที่เล่าขานต่อๆกันมาว่า เมื่อเบอร์นาดอตต์ได้ขอความเห็นชอบจากนโปเลียนในการตอบรับคำเชิญของ Moener แม้นโปเลียนจะเชื่อมั่นในความรักฝรั่งเศสของเบอร์นาดอตต์ แต่กระนั้น นโปเลียนก็ขอคำมั่นสัญญาจากเขาว่าจะไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อฝรั่งเศส และเบอร์นาดอตต์ก็ได้ตอบกลับไปว่า เขาจะทำในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของสวีเดน และนโปเลียนได้ตอบกลับไปเพียงว่า “ไปเถิด และให้เป็นไปตามโชคชะตาของเรา”

การที่นโปเลียนไม่ได้ปฏิเสธ และก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนับสนุนอะไรออกมาชัดเจน เป็นไปได้ว่า นโปเลียนไม่สามารถสนับสนุนเบอร์นาดอตต์อย่างเปิดเผยได้ มิฉะนั้นแล้ว จะทำให้รัสเซียรู้ตัวก่อนเวลาอันสมควร ขณะเดียวกัน การวมเป็นสหภาพสแกนดิเนเวียไม่ว่าจะภายใต้ Frederick VI หรือภายใต้ Frederick Christian จะเป็นประโยชน์ต่อนโปเลียนก็ต่อเมื่อสหภาพฯเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส

ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สวีเดนปัจจุบันมาจากสามัญชนชาวฝรั่งเศส (2)

                                        นโปเลียน โปนาปาร์ต

จากนั้น Moener รีบกลับมายังสวีเดน และแจ้งต่อรัฐบาลถึงการตัดสินใจของเบอร์นาดอตต์ และนโปเลียนไม่ได้คัดค้านอะไร รายงานดังกล่าวได้ทำให้รัฐบาลสวีเดนไม่พอใจอย่างมากต่อการกระทำอันพลการของ Moener ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการลับ (the Secret Committee) ของฐานันดรทั้งสี่รับหน้าที่ในการเสนอตัวผู้สืบราชบัลลังก์ และในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1810 คณะกรรมาธิการลับให้การสนับสนุน Frederick Christian ให้เป็นมกุฎราชกุมาร และ Frederick Christian เองก็แสดงความสนพระทัยในการสถาปนาสหภาพสแกนดิเนเวียน และสานต่อสิ่งที่ Karl August พระอนุชาของพระองค์ (มกุฎราชกุมารที่สิ้นพระชนม์กะทันหัน) ได้คิดไว้ นั่นคือ ทั้งสามประเทศมีรัฐธรรมนูญเสรีนิยมร่วมกัน โดยที่ผ่านมา Karl August ได้เคยกล่าวต่อ Frederik VI อย่างชัดเจนว่า แม้ตัวพระองค์เองจะมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบราชบัลลังก์สวีเดน แต่กระนั้น พระองค์ก็ไม่ปฏิเสธราชบัลลังก์สวีเดนหากเป็นเรื่องของโชคชะตารัฐบาลสวีเดนจึงยังคงเดินหน้าเสนอชื่อ Frederick Christian

ทางฝั่ง Frederick VI ในวันที่ 18 กรกฎาคม ทรงมีพระราชสาส์นถึง Karl XIII พระมหากษัตริย์สวีเดนขณะนั้น (พระองค์ทรงชราภาพมากและไม่มีรัชทายาท) และได้เสนอตัวพระองค์อย่างเป็นทางการต่อการเป็นมกุฎราชกุมารแห่งสวีเดน โดยให้เหตุผลว่า สวีเดนจะก้าวหน้าเข้มแข็งภายใต้สหภาพสแกนดิเนเวีย และทางเดนมาร์ก-นอร์เวย์เองก็แสดงความชัดเจนว่า จะยอมรับรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1809 ของสวีเดน แต่ไม่ได้จะให้มีการใช้บังคับกับเดนมาร์กและนอร์เวย์ และจากข้อเสนอดังกล่าวนี้ ทำให้พระองค์ได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาบริหารของสวีเดน

ในวันเดียวกันกับที่คณะกรรมาธิการลับรับรอง Frederick Christian ฝ่ายที่สนับสนุนเบอร์นาดอตต์ก็ได้ส่งตัวแทนมาสื่อสารกับรัฐสภาสวีเดน โดยยืนยันว่า เบอร์นาดอตต์ เองก็ยินดีที่จะรับการเสนอชื่อเป็นมกุฎราชกุมารสวีเดน และยินดีที่จะให้การสนับสนุนสวีเดนอย่างเป็นทางการและจะให้หลักประกันว่าฝรั่งเศสจะให้สวีเดนกู้เงินเป็นจำนวนแปดล้านฟรังก์

ในระหว่างตัวเลือกทั้งสาม อันได้แก่ Frederick Christian, Frederick VI และ Bernadotte เราจะพบว่า Frederick Christian และ Frederick VI มีข้อเสนอที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือ ต้องการให้มีการจัดตั้งสหภาพสแกนดิเนเวียขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นด้วยเหตุผลเดียวกับที่ปรากฏในหนังสือที่ Karl August มีไปยัง Frederick VI นั่นคือ การมีสหภาพสแกนดิเนเวียจะช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ของทั้งสามประเทศไว้ได้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ของทั้งสามประเทศนี้ก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงมายาวนานในประวัติศาสตร์ แต่ความแตกต่างของทั้งสองอยู่ที่ Frederick Christian ต้องการให้ประเทศทั้งสามนี้อยู่ภายใต้รัฐธรรมเดียวกันที่เป็นรัฐธรรมนูญเสรีนิยม ส่วน Frederick VI ทรงยอมรับให้สวีเดนใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1809 และเดนมาร์กและนอร์เวย์ก็จะมีรัฐธรรมนูญที่แยกต่างหากจากสวีเดน

การที่ Frederick Christian ต้องการให้สามราชอาณาจักรอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเดียวกันที่เป็นรัฐธรรมนูญเสรีนิยม----ซึ่งคำว่ารัฐธรรมนูญเสรีนิยมในที่นี้น่าจะหมายถึงรัฐธรรมนูญที่พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจจำกัด-----ก็เพราะพระองค์ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสูญเสียอำนาจอะไรไป เพราะพระองค์มิได้เป็นพระมหากษัตริย์อยู่ก่อนแล้ว แต่เป็นเจ้าชาย (Duke) แห่ง Augustenburg หากพระองค์ได้รับเลือกให้เป็นมกุฎราชกุมารและขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สวีเดน และอาจจะไปถึงการเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหภาพสแกนดิเนเวีย จะทำให้พระองค์มีอำนาจมากกว่าการเป็นเจ้าชาย ซึ่งเป็นสถานะที่ดีขึ้นกว่าเดิม พระองค์จึงทรงสามารถยอมรับรัฐธรรมนูญเสรีนิยมที่จำกัดพระราชอำนาจ

ส่วน Frederick VI นั้น พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์กและนอร์เวย์อยู่แล้ว ภายใต้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หากพระองค์จะได้เป็นมกุฎราชกุมารและเป็นพระมหากษัตริย์สวีเดน ก็ย่อมหมายถึงการเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสามราชอาณาจักร ทำให้การเกิดสหภาพสแกนดิเนเวียเป็นได้สูงอยู่แล้ว พระองค์สามารถยอมรับให้สวีเดนใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1809 ที่จำกัดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์

แต่พระองค์ไม่ทรงยินยอมที่จะยอมให้เดนมาร์กและนอร์เวย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสวีเดนหรือรัฐธรรมนูญเสรีนิยม เพราะจะเท่ากับการเปลี่ยนแปลงสถานะพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิ์ของพระองค์ไปสู่พระมหากษัตริย์ปรมิตตาญาสิทธิ์ (limited monarchy) ถือเป็นการลดทอนสูญเสียอย่างยิ่ง พระองค์น่าจะทรงคำนวณไตร่ตรองแล้วว่าไม่คุ้มกับการที่จะต้องสละพระราชอำนาจอันสมบูรณ์ที่มีอยู่ไปเพื่อการเป็นมกุฎราชกุมารสวีเดน

และจากตัวเลือกทั้งสามนี้ จะพบว่าเบอร์นาดอตต์ถือเป็นตัวเลือกที่เป็น “ม้านอกสายตาหรือเป็นคนนอกสแกนดิเนเวีย” เพราะทั้ง Frederick Christian และ Frederick VI ต่างเป็นสมาชิกในราชวงศ์พระมหากษัตริย์เดนมาร์กและสแกนดิเนเวีย ดังนั้น ในสายตาของ Frederick VI จึงเห็นว่า Frederick Christian เป็นคู่แข่งสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นมกุฎราชกุมารสวีเดนและการเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหภาพสแกนดิเนเวีย (United Monarchy) อีกทั้ง Frederick Christian ก็ยังยืนยันที่จะไม่ปฏิเสธหากได้รับการเลือกจากสภาสวีเดน

ด้วยเหตุนี้ Frederik VI จึงทรงไม่พอพระทัย Frederick Christian อย่างยิ่ง และในเดือนสิงหาคม พระองค์ได้ส่งกองทหารไปยัง Als โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องคุ้มครองไม่ให้ Frederick Christian ถูกฝ่าย Adlersparre นายทหารที่เป็นหนึ่งในแกนนำของคณะบุคคล ค.ศ. 1809 ลักตัวไปยังสวีเดน

ในบรรดาตัวเลือกทั้งสามและสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจากที่ใครคนใดคนหนึ่งจะได้เป็นมกุฎราชกุมาร พบว่าปฏิกิริยาของชาวสวีเดนส่วนใหญ่จะเป็นลบหรือไม่ก็เฉยๆต่อการเกิดสหภาพสแกนดิเนเวีย เพราะจากสงครามกับเดนมาร์ก-นอร์เวย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้อคติเดิมที่คนสวีเดนมีต่อเดนมาร์กหวนคืนกลับมาอีก

คนสวีเดนยังคงมีความทรงจำอันขมขื่นจากสหภาพสแกนดิเนเวียนในยุค the Kalmar Union ในช่วงยุคกลาง อีกทั้งจากประสบการณ์ตั้งแต่ปลายรัชสมัย Gustav III จนถึง Gustav IV คนสวีเดนจำนวนหนึ่งมีความระแวงในสมบูรณาญาสิทธิ์ของเดนมาร์ก ด้วยความกลัวการถูกครอบงำทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม และโคเปนเฮเกนจะอยู่เหนือสตอคโฮล์ม

แต่ในที่สุด รัฐบาลสวีเดนได้เดินหน้าเสนอชื่อ Frederick Christian ต่อที่ประชุมรัฐสภาที่เมือง Orebro ในฤดูร้อน ค.ศ. 1810 ซึ่งเป็นการประชุมรัฐสภาวาระพิเศษเพื่อลงมติเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารที่ว่างลงอย่างกะทันหัน แต่เบอร์นาดอตต์ที่เป็นตัวเลือกของ Moener ได้รับการสนับสนุนทั้งจากเสียงในรัฐสภาและจากกองทัพสวีเดน มีการโน้มน้าวให้รัฐบาลตีเรื่องกลับไปยังคณะกรรมาธิการลับ) และต่อมาในวันที่ 14 สิงหาคม รัฐบาลได้เปลี่ยนมาสนับสนุนเบอร์นาดอตต์ และเสนอเบอร์นาดอตต์ต่อรัฐสภา

ในวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1810 รัฐสภาได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เลือกเบอร์นาดอตต์ให้เป็นมกุฎราชกุมารแห่งสวีเดน ถือเป็นปรากฎการณ์ที่กล่าวได้ว่าแปลกประหลาดอย่างยิ่งที่บุตรชายนักกฎหมายจาก Pau นายพลฝรั่งเศสแห่งกองทัพปฏิวัติ อดีตคู่แข่งคนสำคัญของนโปเลียนในการรัฐประหาร “Brumaire” และต่อมาเป็นนายทหารที่สามารถที่สุดแต่ก็เป็นตัวของตัวเองที่สุดของนโปเลียน ที่ไม่ได้มีเชื้อสายราชวงศ์ใดๆในสแกนดิเนเวียหรือในยุโรปเลยได้รับการลงมติจากรัฐสภาสวีเดนเลือกให้เป็นผู้สืบบัลลังก์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป

แต่เรื่องมันไม่ได้จบง่ายๆแค่นี้ เพราะการที่รัฐสภาสวีเดนใช้อำนาจลงมติเลือกเบอร์นาดอตต์ให้เป็นมกุฎราชกุมารนั้นถือว่าขัดต่อการสืบราชสันตติวงศ์ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1809 ! (โปรดติดตามตอนต่อไป)

ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สวีเดนปัจจุบันมาจากสามัญชนชาวฝรั่งเศส (2)

สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 14 โยฮัน (ฌอง แบบติส เบอร์นาดอตต์)