posttoday

สร้างมูลค่าเพิ่มหลังโควิด 19

02 กรกฎาคม 2563

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

***********************

การพูดคุยกันในช่วงเวลานี้ได้ก้าวข้ามผ่านการแพร่ระบาดของไข้หวัดโควิด 19 ไปแล้ว ทุกฝ่าย (แม้แต่ฝ่ายค้านหากไม่มีอคติเกินไป) ต่างยอมรับว่า รัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดไข้หวัดโควิด 19 ได้ดี ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่มองเห็น แม้แต่ต่างชาติก็ชื่นชม ไทยได้รับการจัดลำดับเป็นที่หนึ่งหรือลำดับต้นๆ ของโลกในเรื่องการแพทย์และสาธารณะสุข ทำให้คนไทยหน้าบานไปตามๆ กัน

รัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการที่เข้มงวดในหลายมาตรการ เพื่อให้คนกลับมาทำมาหากินได้มากขึ้นแม้ยังไม่เท่าเดิมก็ตาม แต่ก็จะผ่อนปรนไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่ยังสามารถควบคุมไม่ให้มีการระบาดรอบสอง เราต้องเชื่อแพทย์ที่คอยเตือนเสมอว่า “การ์ดอย่าตก” หากเผลอเปิดหน้าเมื่อไร โควิด 19 อาจปล่อยหมัดตรงเข้าปลายคางเราก็ได้ สิ่งที่ทำได้ดีมาแล้วก็จะสูญสลายไปทันทีหากเกิดการระบาดรอบสอง

ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจเหตุผลและความจำเป็นที่รัฐบาลต้องคง “ ประกาศภาวะฉุกเฉิน” ไว้ก่อน เพราะเป็นมาตรการสำคัญในการบริหารจัดการไม่ให้โควิด 19 กลับมาระบาดรอบสอง คนส่วนใหญ่ไม่ได้เดือดร้อนนัก เมื่อแลกกับการที่รัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายได้

เวลานี้ รัฐบาลได้พูดถึงแผนการที่จะฟื้นฟูประเทศหลังไข้หวัดโควิด แน่นอนว่า แพทย์และบุคคลากรด้านสาธารณะสุขยังมีบทบาทสำคัญ แต่ที่เคยเป็นพระเอกมาตลอดนั้น ต่อไปนี้ ต้องเล่นบทพระรอง (ไม่ใช่หายไปจากเวทีเลย) โดยให้ทีมงานด้านเศรษฐกิจเป็นพระเอก ตัวเองทำหน้าที่ควบคุมสถานการ์ไม่ให้เกิดการระบาดรอบสอง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่อำนวยให้ฝ่ายเศรษฐกิจทำงานได้เต็มที่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปี กว่าจะกลับทำให้ประเทศพอมีเรี่ยวแรงสู้ต่อไปได้

ไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ด้วยกันทั้งนั้น มากบ้างน้อยบ้าง แต่ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดจะได้รับผลกระทบมาก ที่น้อยกว่าคนอื่นแต่ก็โดนจนอ่วมเหมือนกัน คือ จีน ที่คาดว่า จีดีพี.จะโตร้อยละ -1 นี่คือดีที่สุดแล้ว สำหรับไทยถูกประเมินล่าสุดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2563 จะติดลบร้อยละ 8 –9

แพทย์และบุคคลากรด้านสาธารณะสุขที่ต่อไปจะไปยืนแถวสอง ต้องควบคุมไม่ให้มีการระบาดรอบสอง เพื่อให้ทีมเศรษฐกิจทุ่มเททำงานได้เต็มที่ แต่เวลานี้กำลังมีข่าวลือว่า ทีมของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมาโดยช่วยประคองเศรษฐกิจไม่ให้เลวร้ายกว่าที่ควรจะเป็น กำลังถูกการเมืองในพรรคเดียวกันเล่นงานเสียแล้ว ไม่มีใครรู้ว่านายกรัฐมนตรีจะเอาอย่างไรกันแน่

นักการเมืองยังแยกไม่ออกระหว่างคำว่า “การเมือง” กับ “บ้านเมือง”

ทีมเศรษฐกิจที่จะเล่นบทเป็นพระเอกตั้งแต่นี้ไป ยังเดาไม่ออกว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร เพราะแพทย์และสาธารณะสุขได้กู้บ้านกู้เมืองไว้ให้แล้ว ต่อไปนี้ ท่านจะเล่นบทพระรอง คอยช่วยพระเอกคือทีมเศรษฐกิจฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับคืนสู่ปกติต่อไป

ต่อไปนี้ เราไม่อาจเรียกร้องให้ใครมาช่วยเราได้ เพราะทุกประเทศต่างก็เจอพิษจากโควิด 19 ด้วยกันทั้งนั้น มากบ้างน้อยบ้าง เขาต้องช่วยตัวเองก่อน ไทยได้รับผลกระทบอย่างมากโดยเฉพาะ “การค้าและการท่องเที่ยว” การส่งออกของไทยถูกกระทบอย่างแรง เพราะประเทศผู้นำเข้าก็ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 เช่นกัน

ไทยต้องหา “จุดขาย” ของตัวเอง หรือสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” และ “เครดิต” ว่าเราจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศอื่นๆอย่างไร การจะไปขอให้เขาช่วยนั้นเป็นเรื่องยากเพราะทุกประเทศต่างต้องช่วยตัวเองก่อน หลังโควิด 19 ทำอย่างไรเราจะทำให้เขาสนใจที่จะซื้อสินค้าไทย กลับเข้ามาลงทุน หรือมาท่องเที่ยวประเทศไทย เพราะเรามี “ของดี” ให้เขาสนใจ ของดีที่เรามี เราต้องดึงออกมาใช้

จุดขายเด่นของไทยมีสองประการ คือ (1) ไทยเป็นแหล่งอาหาร หรือเป็น ”ครัวโลก” ไทยมี “โนว์ฮาว” ด้านการเกษตรซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หลังจากนี้ ประเทศต่าง ๆ จะต้องการอาหารมากขึ้น (2) ไทยจะเป็น “เมดิคัล ฮับ” หลังจากมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกในความรู้ความสามารถของแพทย์และบุคคลากรทางสาธารณะสุขของไทยที่สามารถระงับการแพร่ระบาดของโควิด 19 จนเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

ยกตัวอย่างให้เห็นกันง่ายๆ ว่า ก่อนหน้านี้ เราคิดว่าจะขายทุเรียนไม่ได้เพราะตลาดใหญ่คือจีนซึ่งเป็นต้นตอของโควิด 19 คงซื้อน้อย แต่ปรากฏว่า ไทยสามารถขายทุเรียนให้จีนได้เช่นเดิมหรือเกือบจะเท่าเดิม ซ้ำราคาดีขึ้นอีกด้วย หลังจากสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด 19 ประเทศต่าง ๆ จะสำรองอาหารมากขึ้นเพราะในช่วงโควิด 19 ระบาด มีการกักตุนอาหารกันมาก ดังนั้น คาดว่า ไทยสามารถส่งออกสินค้าประเภทอาหารได้มากขึ้น

นักลงทุนต่างชาติคงสนใจมาลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าหากเขาเจ็บป่วยก็มีแพทย์และบุคลากรทางสาธารณะสุขชั้นเยี่ยมคอยดูแล คนยิ่งมีเงินมากยิ่งไม่อยากตาย นอกจากนั้น คนจากประเทศอื่นซึ่งก่อนหน้านี้ใช้บริการด้านการแพทย์ของไทยมากอยู่แล้ว ก็จะมาใช้บริการของไทยมากขึ้น หุ้นของโรงพยาบาลเอกชนน่าจะขายได้ดีขึ้น

นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ก่อนหน้านี้ คนต่างชาตินิยมมาเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวในลำดับต้น ๆ ของรายได้ประเทศ หลังไข้หวัดโควิด 19 เชื่อว่า นักท่องเที่ยวจะมาเมืองไทยมากขึ้น เพราะมีความมั่นใจว่า หากเขาเจ็บป่วยในไทย จะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจนหายเจ็บป่วยและเดินทางกลับไปพบหน้าครอบครัว ญาติพี่น้องของเขาอีกได้

นอกจากไทยมีจุดขายเด่นที่ดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ แล้ว ไทยก็ต้องปรับตัวเองด้วยเช่นกันเพราะโควิด 19 ทำให้โลกเปลี่ยนไป ประเทศต่างๆ จะหันมาสนใจปัญหาภายในของตนมากขึ้น ไทยจะกลับมาเน้นเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” มากขึ้น โดยเฉพาะการสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้กับตัวเอง

นักลงทุนไทยต้องปรับตัวเอง โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไทยส่งออกในลำดับต้นๆ ของโลกตลอดมา นักลงทุนต้องเน้นการลงทุนด้านรถไฟฟ้ามากขึ้น เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น เราต้องคิดถึงการผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าแล้ว หากเราไม่ปรับตัวเอง การเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์อาจหมดสภาพ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ต้องคิดถึงเรื่องเงินดิจิตัล โควิด 19 ทำให้คนใช้จ่ายผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น

ในอาเซียน ไทยต้องแข่งกับเวียตนามมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติมักจะมองเวียตนามมากกว่าไทยในการลงทุน ถ้าเราจับมือกับเวียตนามก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น

ขอให้ประเทศไทยโชคดี เวลานี้ คนไทยกำลังเฝ้าดูหน้าตาของทีมเศรษฐกิจหลังโควิด 19 ว่าจะเป็นชุดเดิม หรือชุดใหม่ หน้าตาจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญคือ ต้องบริหารฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อเนื่องจากที่ชุดก่อนได้ทำไว้

โดยมีเงินกู้สี่แสนล้านบาทเป็นต้นทุน อย่าให้เป็นเหมือนที่ภาพการ์ตูนในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง ที่เป็นภาพนายกรัฐมนตรีกำลังแบกถุงเงินกู้จนหลังแอ่น ขณะที่มีอีแร้งหลายตัวเกาะอยู่บนถุงเงินกู้นั้น ๆ

**************************