posttoday

ระทึก!!!3ทางออกตัดสินคดียุบ"อนาคตใหม่"

21 กุมภาพันธ์ 2563

โดย...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์

*******************

ลุ้นกันระทึกในช่วงบ่ายวันที่ 21ก.พ.นี้้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมเพื่อลงมติคำร้องคดี ยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท ตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กรณีพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืน มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้เบื้องต้นได้มีการคาดหมายถึงแนวทางคำพิพากษาในคดีดังกล่าวไว้ถึง 3 ทางด้วยกัน

แนวทางที่1ยกคำร้อง รอดหมด ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรคไม่มีความผิด

คือถ้าผลการตัดสินออกตามแนวทางนี้เป็นไปตามที่"ปิยบุตร แสงกนกกุล"เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีนอกศาลไว้ว่า การกู้เงินดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรคและไม่มีอำนาจตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค เนื่องจาก บทลงโทษของมาตรา 66 มีแต่โทษเพิกถอนสิทธิของบุคคลที่บริจาคเงินเกินและโทษปรับบุคคลที่บริจาคเงินเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ส่วนพรรคที่รับเงินดังกล่าว ก็ต้องส่งเงินคืน และเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น โดยไม่มีการยุบพรรค แต่กระบวนการดังกล่าวต้องเป็นไปตามกระบวนการปกติคือกกต.พิจารณาและส่งศาลอาญาและสู้กันถึง 3 ศาล โดยศาลรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยว

ขณะที่ มาตรา 72 กฎหมายมีวัตถุประสงค์ป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองเอาเงินสีเทามาใช้ในพรรค แต่การที่พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตรา 72 เหตุที่ ต้องหยิบ 72 มาเป็นประเด็นเพราะ กกต.เห็นว่ามีโทษยุบพรรค กกต.ถึงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้

ขณะเดียวกัน การมาบอกว่าเมื่อกฎหมายไม่ให้กู้เงินแล้วโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบย่อมเป็นความผิดนั้น พรรคไม่มีทางรู้ว่า กกต.จะตีความพิสดารขนาดนี้ ถ้าพิสูจน์เจตนาก็ชัดเจนว่าพรรคไม่มีทางรู้เลยว่า กกต.จะตีความแบบนี้ ดังนั้น ยืนยันได้ว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิดตามมาตรา 62 มาตรา 66 มาตรา 72 ศาลรัฐ ธรรมนูญต้องยกคำร้อง

แนวทางที่ 2 มีความผิด สั่งยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

แนวทางนี้เป็นไปตามคำร้องของ กกต.ที่เห็นว่า การกู้เงินดังกล่าว นั้นผิด มาตรา 72 ของพรป.พรรคการเมืองซึ่ง ระบุว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งใน พรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โทษในความผิดตามมาตรา 72 ดังกล่าวนั้นกำหนดไว้ใน มาตรา 126 โดยระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่ง ในพรรคการเมืองผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 72 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน3ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

แนวทางที่ 3. มีความผิด แต่ไม่ยุบพรรค ให้ลงโทษกรรมการบริหารพรรค ยึดเงินเข้ากองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

หากคำพิพากษาออกมาในแนวทางนี้ คือเห็นว่า การกู้เงินดังกล่าวผิดตาม มาตรา 66 ซึ่งระบุว่า บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง มีมูลค่าเกิน10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้ และในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล การบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองไม่ว่าพรรค เดียวหรือหลายพรรคเกินปีละ 5 ล้านบาทต้องแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมใหญ่คราวต่อไปหลังจากบริจาคแล้ว พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินวรรคหนึ่งมิได้

ทั้งนี้ มาตรา 125 ระบุว่า พรรคการเมืองใดรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินที่กำหนดไว้ในมาตรา 66 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้าน บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีกำหนด 5 ปี และให้เงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่ เกินมูลค่าที่กำหนดไว้ตามมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลของการตัดสินจะออกมาแนวทางใดย่อมทำให้การเมืองร้อนแรงยิ่งเพราะหลังจากนี้จะมีเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 6 คนระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ.มารับช่วงต่อที่จะทำให้การเมืองร้อนแรงไปถึงสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องตามกันไม่กระพริบ

**************************