posttoday

ทำไมบางคนจึงไม่ยอมรับผิด?

28 พฤษภาคม 2560

หรือว่าคนคนนั้นจะไม่ใช่คน! กรณีคนสุดเลวเอาระเบิดไปวางในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดย...ทวี สุรฤทธิกุล

หรือว่าคนคนนั้นจะไม่ใช่คน!

กรณีคนสุดเลวเอาระเบิดไปวางในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ที่สุดเลวกว่านั้นก็คือ นักการเมืองที่เป็นผู้บงการ โดยใช้ประชาชนเป็นเหยื่อ และใช้สถานที่ที่ได้รับการคุ้มครองทางมนุษยธรรม คือ โรงพยาบาลนั้นเป็นฉาก “มัน” ช่างแสนสุดเลวจริงๆ

คนที่ทำอย่างนี้ได้นอกจากจะแสนสุดเลวอย่างที่ว่านั้นแล้ว ยังจะต้องเป็น “โรคจิต” คือมีอาการป่วยทางด้านอารมณ์และความคิด อย่างน้อยอาจจะเป็น “พวกซาดิสม์” ที่ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวดทุกข์ทรมาน จนถึงพวกที่เป็น “อาชญากรโดยสันดาน” ที่ในจิตใจมีแต่ความเคียดแค้นชิงชัง อยากฆ่าคนอยู่ตลอดเวลา หรือบางทีอาจจะเป็นยิ่งไปเสียกว่านั้น คือ อาชญากรทั่วไปก็แค่ฆ่าคนทีละคนสองคนตามเจตนาที่อยากฆ่าหรือถูกจ้างวานมาให้ฆ่า แต่นี่น่าจะเรียกได้ว่าเป็น “อาชญากรการเมือง” เพราะมุ่งหมายจะฆ่าคนจำนวนมาก โดยที่คนเหล่านั้นไม่เคยก่อกรรมให้แก่อาชญากรคนนี้ เพียงแต่อาชญากรคนนี้อยากจะฆ่าคู่ต่อสู้ทางการเมือง ก็เลยใช้ประชาชนที่อยู่ใต้การปกครองของคู่ต่อสู้ทางการเมืองของตนนั้นเป็นเหยื่อ เพื่อแสดงว่าคู่ต่อสู้ทางการเมืองที่ปกครองประเทศอยู่นี้ไม่มีฝีมือ ไร้ความสามารถ ไม่สามารถคุ้มครองดูแลประชาชนให้ปลอดภัยได้เหมือนฆ่าลูกชาย ข่มขืนลูกสาว ให้พ่อแม่นั่งดูอาชญากรการเมืองเหล่านี้ก็เช่นเดียวกันกับคนเลวทั้งหลายที่เกิดมา “มีปม” อย่างที่จิตแพทย์เรียกว่า “ปมด้อย” คือมีความรู้สึกว่าต่ำต้อยกว่าคนอื่น สู้คนอื่นไม่ได้ในบางเรื่อง หรือถูกเลี้ยงดู (หรืออาจจะไม่ได้รับการเลี้ยงดู) ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมและสภาพจิตใจที่ไม่ดีนั้นมาแต่ต้น เช่น ต้องต่อสู้ดิ้นรน ถูกกลั่นแกล้งรังแก หรือถูกสั่งสอนให้เอารัดเอาเปรียบคน เหล่านี้เป็นต้น เมื่อเติบโตมาในสภาพที่เลวๆ อย่างนั้น ความเลวก็เกาะในจิตใจ จนพอกแน่นเป็นก้อนๆ ไม่สามารถเอาออกได้ อย่างที่จิตแพทย์เรียกว่า “ปม” ดังกล่าว

อาชญากรการเมืองที่เรารู้จักกันดี (ในเรื่องที่ไม่ดี) ที่สุดในโลก ก็คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เล่ากันว่าฮิตเลอร์นี้มีปมด้อยมากมาย อันเนื่องมาจากการถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อหรือแม่ (ผู้เขียนจำไม่ได้ว่าเป็นใคร) ดุมาก จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างปมในจิตใจให้ฮิตเลอร์มีนิสัยเผด็จการ อยากมีอำนาจเหนือคนอื่น ชอบใช้ความรุนแรง มีอำนาจบังคับ และอยากเห็นคนอื่นได้รับความเจ็บปวด นอกจากนี้ฮิตเลอร์ก็เรียนหนังสือไม่ค่อยเก่ง ตอนที่เป็นทหารก็ได้ยศแค่นายสิบ เพียงแต่มีดีทางวาทศิลป์ พูดเก่ง พูดได้เร้าใจ จึงมาเข้าสมาคมการเมือง ลงเล่นการเมือง และมาประสบความสำเร็จในทางการเมืองนี้

ฮิตเลอร์เป็นคน “คลั่งชาติ” แต่ไม่ได้ออกมาจากนิสัยสันดานที่แท้จริง ว่ากันว่าฮิตเลอร์เป็นคนที่ “จับกระแส” ได้เก่ง ตอนนั้นเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากจะเสียหน้า เสียดินแดน หมดเกียรติภูมิแล้ว ยังถูกฝ่ายพันธมิตรเรียกค่าชดใช้ที่เรียกว่าค่าปฏิกรณ์สงครามมากมายมหาศาล แบบที่เรียกว่าคนเยอรมันทุกคนตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา หาเงินทุกบาททุกสตางค์เอาไปให้เป็นค่าชดใช้นี้ก็ยังไม่พอ เมื่อฮิตเลอร์จับจุดเรื่องนี้เอามาปราศรัยหาเสียง ก็เป็นที่จับใจคนเยอรมัน เทคะแนนให้พรรคชาตินิยมของฮิตเลอร์ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แล้วฮิตเลอร์ก็อ้าง “ประชามติ” ผ่านคะแนนเสียงเลือกตั้งนี้เข้าปกครองด้วยระบอบเผด็จการ

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลฮิตเลอร์ประกาศสงครามกับนานาชาติด้วยความบ้าคลั่ง ด้วยความเป็นพวกโรคจิตที่เชื่อในลัทธิ “สายเลือดบริสุทธิ์” ว่าเยอรมันนั่นคือมนุษย์แท้ เป็นเผ่าพันธุ์ที่ประเสริฐที่สุดในโลก และจับกระแสได้ว่าคนยุโรปเกลียดชังยิว จึงใช้ยิวเป็นเหยื่อในการสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อันเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่สุดเมื่อเยอรมนีแพ้สงคราม ฮิตเลอร์ก็ปลิดชีพตัวเองด้วยปืนพก เป็นอันจบชีวิตของอาชกรการเมืองที่แสนเลวร้ายที่สุดของโลก

ชีวิตของฮิตเลอร์ได้ถูกนำมาวิเคราะห์วิจารณ์อย่างมากมาย พบว่านิสัยที่แสนเลวผิดมนุษย์มนาอย่างหนึ่ง ก็คือ “ไม่รู้สึกสำนึกผิด” คือไม่เชื่อว่าความชั่วความเลวร้ายที่ทำไปทุกอย่างนั้นเป็น “ผิด” หรือ “บาป” ซึ่งก็มีคนสืบค้นไปถึงนิสัยส่วนตัวของฮิตเลอร์ว่า ตั้งแต่เด็กนั้นฮิตเลอร์ไม่เคยกล่าวคำว่า “ขอโทษ” เลยสักครั้ง ฮิตเลอร์เมื่อทะเลาะกับใครก็จะเดินหนีแล้วหาโอกาสแก้แค้นในภายหลัง ทั้งนี้จิตแพทย์ที่วิจารณ์ฮิตเลอร์ได้ให้เหตุผลว่า คนที่มีความ “ดื้อด้าน” จะไม่ยอมรับผิด เพราะการยอมรับผิดก็เท่ากับว่าตนเองอ่อนแอ อันเป็นตัวทำลายความทะเยอทะยานของตนเองที่ต้องการจะขึ้นสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจ หรือการมีอำนาจเหนือคนอื่น ดังนั้นหัวเด็ดตีนขาด คนจำพวกนี้จะไม่มีวันสำนึกผิด กล่าวคำขอโทษ หรือมีสำนึกรับรู้ผิดชอบชั่วดีใดๆ

ผู้เขียนเชื่อว่าปัญหาการเมืองของไทยก็อยู่ในสภาพดังกล่าวนี้ คือ เรามีผู้นำทางการเมืองที่เป็นโรคจิต บางคนก็แสดงออกด้วยการมักมากในกามารมณ์ มักมากในการโกงกิน หรือมักมากในการล้างแค้นและเข่นฆ่าผู้คน หรือบางคนก็ “มักมาก” ไปทั้งหมดทุกเรื่องนั้น อย่างไรก็ตามว่ากันว่าคนไทยเป็นคน “ขี้สงสาร” ใจอ่อน ให้อภัยง่าย และลืมง่าย จึงอยากจะให้ “นักการเมืองโรคจิต” คนใดก็ตาม จงได้สำนึกผิด ยอมรับผิด แล้วมาขออภัยกับคนไทย แม้จะไม่สามารถลบล้าง “ความชั่ว ความเลว ความผิด” ที่ได้ทำไปแล้วนั้นได้ แต่ก็อาจจะทำให้โรคจิตที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนั้นบรรเทาเบาบางลงไป

กลับมาขอโทษกันดีๆ ไม่ต้องมีผ้าเหลืองห่มเข้ามา