posttoday

ยอยศ คสช.

30 เมษายน 2560

จะเยินยออะไร ย่อมเป็นไปด้วยเหตุผล อย่างที่ผู้เขียนจะเยินยอ คสช.ในวันนี้ก็มีเหตุผลอยู่ 2-3 ประการ

โดย...ทวี สุรฤทธิกุล

จะเยินยออะไร ย่อมเป็นไปด้วยเหตุผล

อย่างที่ผู้เขียนจะเยินยอ คสช.ในวันนี้ก็มีเหตุผลอยู่ 2-3 ประการ

ประการแรก ในเดือนหน้าอีก 20 กว่าวันที่จะครบรอบ 3 ปีในการยึดอำนาจโดย คสช. ความนิยมใน คสช.น่าจะคงมีอยู่พอสมควร อย่างน้อยคนที่เชียร์ว่ายังไม่ควรจะมีการเลือกตั้ง แล้วให้ คสช.อยู่ต่อไปอีกสักระยะก็ยังมีอยู่อีกมาก ทั้งนี้จากการสำรวจกลุ่มไลน์ทั้งในที่ทำงานและในกลุ่มสังคมต่างๆ ของผู้เขียน แม้จะเป็นมุมมองเพียงด้านเดียว แต่ก็ควรที่จะชื่นชมตามๆ กันไป เพื่อให้ได้บรรยากาศของการปฏิรูปประเทศ

ประการต่อมา คสช.แม้ไม่ใช่ปุถุชน เพราะเป็นคณะบุคคลที่มีอำนาจพิเศษอย่างมหาศาล จึงมีดีมีชั่วเป็นธรรมดา การที่เราจะไปติเรือทั้งโกลนในขณะที่ คสช.ทำงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ (ซึ่งก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าเมื่อไหร่นั้น) ก็ดูจะเป็นการตีตนไปก่อนไข้ ดีไม่ดีคนที่ชอบต่อว่า คสช.จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ถ่วงความเจริญ ขัดขวางความก้าวหน้าของประเทศ ไม่เรียนรู้ยุทธศาสตร์ชาติ ไม่มีคุณธรรม 12 ประการ และไม่ใช่คนไทย ฯลฯ

อีกประการหนึ่ง ถ้าเราเป็นพวกโลกสวยหรือชอบมองอะไรๆ ในแง่ดี เราก็ควรจะมอง คสช.ในด้านดีบ้าง เช่น ยึดอำนาจในห้องน้ำสโมสรกองทัพบก แยกนักการมืองที่ทะเลาะกันไปคุมตัวในสถานที่ลี้ลับ มีคณะร่างรัฐธรรมนูญกับสภาปฏิรูปประเทศอย่างละ 2 ชุด เลื่อนโรดแมปต่างๆ มาเป็นระยะได้อย่างแนบเนียน การปราบคนโกงก็ค่อยๆ ทำไป และแต่งเพลงเพราะๆ ให้เราฟัง ฯลฯ ซึ่งคงจะมีอะไรดีๆ ให้ดูกันอีกมาก

ในทางจิตวิทยา การเยินยอเป็นเครื่องมือที่สำคัญและใช้กันมากที่สุดในการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ อย่างเช่นพ่อแม่จะป้อนข้าวลูก ก็ต้องชมลูกว่า “เก่งๆ เอ้า อั้มๆ” หรือในเรื่องโคนันทวิศาล แม้โคนันทวิศาลจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงเอาไว้ใช้งานหนัก แต่ผู้เลี้ยงก็ต้องมีเมตตา เอาใจใส่ดูแลให้ดี เมื่อจะใช้งานนั้นก็ต้องพูดเพราะๆ คือ “พ่อโคนันทวิศาลเอย เจ้าจงลากเกวียน 500 เล่มนี้ไปเถิด” เป็นต้น เช่นเดียวกันในการที่เราใช้ใครให้ทำงาน อย่างในกรณีของ คสช.ที่เราใช้ (ด้วยการยินยอมให้ทำรัฐประหาร) ให้มาแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ แม้ภารกิจนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ แต่เราก็ควรที่จะอดทน ให้กำลังใจ และให้โอกาสไปอีกสักระยะ

หรือถ้าจะมองให้กว้างไกลออกไปอีก ในทางสังคมวิทยาการเมือง (คือวิชาที่ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันในทางการเมืองการปกครอง) ก็จะมีแนวคิดที่เป็นทฤษฎีทางวิชาการบอกไว้ว่า ในการสร้างชาติ ขวัญและกำลังใจของคนในชาติมีความสำคัญมากๆ วิธีการที่ง่ายที่สุดในการสร้างขวัญและกำลังใจแก่คนในชาติ ก็คือ “ความเชื่อมั่นและความศรัทธาในผู้ปกครอง” ถ้าในทางศาสนาพุทธจะเรียกว่าลักษณะที่ไม่มี “วิจิกิจฉา” คือไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ พร้อมกับให้ความเคารพนอบน้อมต่อพระรัตนตรัยนี้ เช่นเดียวกันกับที่คนไทยควรจะต้องมีสัมมาคารวะ (ไม่ใช่เกรงกลัว) และให้การเคารพนับถือแก่ คสช.ตามสมควร ทั้งนี้ก็ด้วยการเยินยอในบางโอกาส เพื่อทำให้ผู้คนในสังคมมีความสุขและสบายใจด้วยกันทุกคน

ยิ่งไปกว่านั้น การเป็นชาติที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ เช่น ความสำเร็จของประเทศเผด็จการต่างๆ ในโลกนี้ การเยินยอนับว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดูตัวอย่างพิธีกรรมต่างๆ ของประเทศที่เป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ จะต้องมีการปรบมือกันอย่างกึกก้อง เอิกเกริก และยาวนาน ในโอกาสสำคัญๆ และในการประชุมต่างๆ หรือหากจะมองย้อนไปในอดีต อย่างในยุคของเผด็จการฟาสซิสต์ (อาจจะเป็นไทยว่าเผด็จการคลั่งชาติก็ได้) เช่น ฮิตเลอร์และมุสโสลินี การยกแขนขวาชี้ขึ้นฟ้าเป็นมุมเอียง 45 องศานั้น ร่วมกับการออกเสียงชื่อผู้นำนั้นๆ ออกมาดังๆ ถือได้ว่าเป็นพิธีกรรมในการแสดงการเยินยอที่ให้เกียรติและเคารพสูงสุด

นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า ทำไมจึงสมควรที่จะต้องเยินยอ คสช. ดังนี้

เริ่มจากที่มีคนบอกว่า เราควรเห็นใจและเข้าใจ คสช. เราต้องเชื่อใจว่า คสช.มีเจตนาที่ดีในการยึดอำนาจแล้วปกครองประเทศ ถ้าใครที่ได้ฟังแถลงการณ์ในการยึดอำนาจก็จะเข้าใจดีว่า คสช.ไม่ได้อยากเข้ามาอยู่นานๆ แต่ปัญหาของประเทศยังแก้ไขไม่สำเร็จ โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างความปรองดอง จนถึงทุกวันนี้ฝ่ายที่ทะเลาะกันก็ยังไม่ยอมมาร่วมพูดคุยกัน และจงเชื่อว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” ทั้งนี้ไม่เกินสิ้นปีหน้าก็ “คงจะ” มีการเลือกตั้ง พร้อมกับการวาง “ยุทธศาสตร์ชาติ” ไปอีก 20 ปี ที่ คสช.มอบให้

ที่สุด ก็คือ เราควรให้อภัยและยกโทษในความผิดพลาด เพราะ คสช.ก็ไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหน ส่วนใหญ่ก็จบมาจากโรงเรียนนายร้อย จปร. ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความรักต่อชาติบ้านเมือง หลายคนได้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศก็ในหลักสูตรทางการทหารต่างๆ ก็คงจะได้เห็นความเจริญในบ้านเมืองเหล่านั้น โดยเฉพาะที่เขาเป็นประชาธิปไตย เราจึงควรเชื่อว่าทหารไทยมีความเป็นประชาธิปไตยสูง และอยากจะนำประเทศไทยให้ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยนั้นให้ได้ “ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ” ดังนี้เรายิ่งควรจะต้องชื่นชมและขอบคุณ คสช.เสียด้วยซ้ำว่า ท่านมีความเสียสละทุ่มเท รักประเทศชาติและประชาชนคนไทย ซึ่งหาได้ยากในผู้คนกลุ่มอื่นๆ

หลายคนบอกว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีทหาร ไม่มีรัฐประหาร และที่สำคัญที่สุดไม่มี คสช. เราก็คงไม่อยู่รอดมาอย่างปลอดภัย และมีความ “สุขสงบ” ดังที่เป็นอยู่ในเวลานี้

ขอขอบพระคุณ คสช.เป็นอย่างยิ่งครับ