posttoday

ปฏิบัติการมืออาชีพ ตัดตอนเนียน...ไร้ร่องรอย

23 สิงหาคม 2558

แม้ “ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์” จะเกษียณอายุราชการไปแล้วหลายปี แต่ปัจจุบันยังขลุกอยู่กับข้อมูลข่าวสารด้านการข่าว

แม้ “ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์” จะเกษียณอายุราชการไปแล้วหลายปี แต่ปัจจุบันยังขลุกอยู่กับข้อมูลข่าวสารด้านการข่าว ยังเขียนบทความเกี่ยวกับงานข่าวกรอง และเรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ยอมรับว่า ผู้บงการและผู้วางระเบิดที่แยกราชประสงค์ในครั้งนี้ ถือเป็นมืออาชีพจริงๆ

ภุมรัตน แนะนำว่า วิธีการสืบสวนอย่างหนึ่งที่สำคัญในการควานหาตัวผู้บงการและผู้ก่อเหตุ คือ การสืบหา “ซิกเนเจอร์” ของระเบิด

“เพราะทุกเหตุการณ์วางระเบิดมักมีซิกเนเจอร์เฉพาะตัว กล่าวคือ วิธีการประกอบระเบิด วิธีนำระเบิดมาวาง วิธีการจุดชนวน หรือวิธีการอื่นๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดในแต่ละเหตุการณ์ ย่อมมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือมีวิธีการเป็นของตัวเอง

“ทางเจ้าหน้าที่รัฐจึงต้องไปเสาะแสวงหาว่ามีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มใดเป็นผู้กระทำ ทั้งกลุ่มที่อยู่ในประเทศ หรือเหมือนกับกลุ่มใดในต่างประเทศมีบ้างหรือไม่ เป็นต้น แต่มีอยู่อย่างหนึ่งว่าผู้ที่กระทำการที่ศาลพระพรหมต้องยอมรับว่าเป็นมืออาชีพจริงๆ เป็นนักประกอบระเบิดมืออาชีพ คนที่เอาไปวางก็ดูมีความเป็นมืออาชีพ

“ถือเป็นการระเบิดที่สมบูรณ์ที่แบบที่สุด ตามคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญระเบิด แทบจะไม่เหลือร่องรอยใดๆ ไว้เลย เพราะไม่ใช่เป็นการระเบิดด้วยการจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ หรือนาฬิกาปลุก ไม่ว่าลูกระเบิดจะระเบิดสมบูรณ์แบบที่สุดอย่างไร ต้องมีร่องรอยของโทรศัพท์มือถือและนาฬิกาตกหลงเหลือทิ้งไว้อยู่ แต่คราวนี้ไม่เหลือร่องรอยใดให้เห็นไว้เลย”

ภุมรัตน ขยายความเทคนิคการใช้ระเบิดที่ราชประสงค์ในครั้งนี้ด้วยว่า เหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม เป็นการใช้วิธีการกดชนวนระเบิดชนิดถ่วงเวลา สำหรับกรณีนี้ตามภาพกล้องวงจรปิด ชายเสื้อเหลืองที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมายจับ เป็นคนวางระเบิดจริง ขณะที่ชายคนดังกล่าวเดินออกไปประมาณไม่เกิน 5 นาที จึงเกิดระเบิดขึ้น เป็นช่วงที่ถ่วงเวลาเพียงพอที่จะทำให้เขาเดินห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุได้ปลอดภัย และไม่ช้าจนเกินไปที่คนอื่นเกิดสงสัยขึ้นมาว่าวางเป้ใบนั้นไว้ทำไม

“หลังระเบิดต้องไปพิสูจน์คราบว่ามีสารไนเตรตเป็นส่วนผสมอยู่หรือไม่ เพราะหากใช้ทีเอ็นทีก็จะก่อให้เกิดสารไนเตรตได้ หรือหากใช้ระเบิดซีโฟร์ก็จะเกิดสารไนเตรตได้เช่นกัน กล่าวคือ ทีเอ็นทีใช้กันในงานพาณิชย์ของภาคเอกชน เช่น ในการระเบิดโรงโม่หิน ซึ่งต้องขออนุญาต

ส่วนระเบิดซีโฟร์จะใช้ในการทหารเท่านั้น โดยเฉพาะหน่วยทหารที่เกี่ยวข้องกับการบังคับระเบิดหรือทำลาย แต่เหตุระเบิดในครั้งนี้อานุภาพรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น และการวางน่าจะมีการสำรวจสถานที่ล่วงหน้าหลายแห่งจนในที่สุดเหลือจุดเกิดเหตุแห่งนี้ เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่คนเยอะ ถึงแม้วันนั้นจะเป็นวันจันทร์แม่ค้าพ่อค้าไม่ได้ขายของ แต่คนที่ไปไหว้พระพรหมมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติคละกันไป”

ภุมรัตน เชื่อว่า การก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการกระทำอย่างเป็นขบวนการและมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี พิจารณาได้จากการวางระเบิดเป็นแบบชนิดทีเอ็นทีแบบถ่วง จุดวางมุ่งหวังให้แรงระเบิดพุ่งแรงอัดเข้าสู่ด้านในทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จากจุดที่วางระเบิดพบว่าเป็นจุดที่ผู้วางกำหนดเพื่อหวังผลของแรงระเบิด และเป็นที่น่าสังเกตคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนหน้านี้ไม่แน่ใจว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคนวางระเบิดหรือไม่ หรือนั่งเพื่อจองที่ไว้ให้คนวางระเบิดมานั่งแทน หรือว่าเป็นพวกเดียวกัน

“กล่าวง่ายๆ คือ พวกเดียวกัน พอถึงเวลาก็ลุกให้คนวางระเบิดได้เข้ามานั่งแทน และถ้าชายต่างชาติที่สวมเสื้อสีเหลืองเป็นคนวางระเบิดจริงๆ และเชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น การที่บุคคลคนนี้มีอะไรบางอย่างหุ้มข้อมือเอาไว้ อาจจะเป็นรอยสักหรืออะไรสักอย่างที่สังเกตได้ง่าย เพื่อไว้เป็นสัญลักษณ์เฉพาะ หรือสัญญาณบอกว่าคนคนนี้เป็นคนวางระเบิด

“ดังนั้น อาจจะเป็นไปได้ว่าคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นพวกเดียวกัน ทั้งหมดล้วนเป็นไปได้ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามตรวจสอบ รวมถึงผู้ต้องสงสัยคนอื่นๆ ด้วย”

ภุมรัตน ตั้งข้อสังเกตว่า ความเป็นไปได้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาตินั้น เป็นไปได้หลายทาง โดยเฉพาะกรณีชายผู้ต้องสงสัยพูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ซึ่งจากคำให้การหลังจากนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างออกจากจุดเกิดเหตุแล้วยังนั่งรถแท็กซี่ต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่แน่ใจว่าคนขับรถแท็กซี่คนดังกล่าวได้มารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ และทราบได้อย่างไรว่าชายผู้ต้องสงสัยจะเดินทางต่อรถไปสนามบินสุวรรณภูมิ

อย่างไรก็ตาม หากสมมติฐานที่ว่าเหตุการณ์เป็นเช่นที่กล่าวมา ชายผู้ต้องสงสัยนั่งรถแท็กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิจริง อาจเข้าเค้าว่าถ้าเป็นชายชาวต่างประเทศเข้ามาวางระเบิดขนาดใหญ่แบบนี้ จะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อเดินทางออกนอกประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นก็คือเที่ยวบินเที่ยวแรก โดยมีการจองตั๋วไว้เรียบร้อยแล้ว

“อาจจะมีผู้ร่วมขบวนการช่วยเหลือเช็กอินไว้ให้ล่วงหน้า อำนวยความสะดวก หลักการกลุ่มขบวนการวางระเบิดมักจะเป็นไปในลักษณะนี้ ดังนั้นสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่การข่าวหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องควานหา คือ ซิกเนเจอร์ของมือระเบิด ที่ถือว่าเป็นการทำระเบิดได้เยี่ยมมากจริงๆ ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือหรือนาฬิกาจุดชนวน แต่ใช้วิธีการแบบเก่าที่ไม่ค่อยทำกัน

“เพราะระยะหลังมือวางระเบิดไม่ค่อยจะใช้วิธีการแบบนี้ เพราะเป็นวิธีดั้งเดิม ที่คนคิดวิธีนี้ต้องการให้ไม่สามารถแกะรอยตามได้ เพราะถึงแม้ระเบิดจะระเบิดสมบูรณ์แบบอย่างไร แต่หากใช้โทรศัพท์มือถือ หรือนาฬิกาปลุกจุดชนวนระเบิดย่อมแกะรอยตามได้ และวิธีการระเบิดแบบถ่วงนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ไม่เคยปรากฏพบ

“คนที่เรียนวางระเบิดใหม่ๆ จะหัดเรียนการวางระเบิดแบบถ่วงก่อน ด้วยการต่อชนวนและจุดระเบิดด้วยการใช้สาย จะถ่วงกี่นาที กี่วินาที ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถ่วงไว้ 5 นาที และสถานที่การประกอบระเบิดคงไม่ได้อยู่บริเวณนั้น เพราะการถ่วงเวลาระเบิดไว้คนประกอบจะถ่วงเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว จนกว่าจะกดชนวนระเบิดฉะนั้นชายคนนี้ก่อนจะเดินออกไปต้องกดระเบิดก่อนจึงเดินจากไป”

ภุมรัตน ระบุว่า การควานตัวผู้ต้องสงสัยย่อมเป็นเรื่องยาก เพราะจากพฤติกรรมสังเกตเห็นว่ามีการตัดตอนตั้งแต่การรับ-ส่งผู้ก่อเหตุ ตั้งแต่นั่งรถตุ๊กตุ๊กจากหัวลำโพงจนมายังศาลพระพรหม กระทั่งก่อเหตุแล้วเสร็จ ซึ่งเชื่อว่าต้องมีผู้ร่วมขบวนการตั้งแต่การประกอบระเบิด เพราะวิธีการในการก่อวินาศกรรมจะต้องตัดตอนเป็นชั้นๆ เพื่อป้องกันการถูกจับได้

“ถึงคนใดคนหนึ่งถูกจับก็จะได้ตัวเฉพาะบุคคลคนนั้น โดยไม่สามารถล้วงไปได้ว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง และถ้าคิดถึงคนวางแผน เมื่อวางแผนให้ชายเสื้อเหลืองมาวางระเบิดได้ ก็ต้องวางแผนให้ออกนอกประเทศไปได้เช่นกัน เพราะคนนี้จะเป็นตัวไขปริศนาสำคัญ ซึ่งหากเป็นไปตามที่คนขับแท็กซี่ระบุว่าชายคนนี้เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ

“ประเด็นสำคัญ คือ ไม่แน่ใจว่าชายผู้ต้องสงสัยคนนี้ไปสนามบินสุวรรณภูมิจริงหรือไม่ หรืออาจจะลงแท็กซี่กลางทางก่อน ไม่ได้ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นได้ อาจจะไปเปลี่ยนโฉมแปลงร่างอะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญ คือ ถ้าเป็นชาวต่างชาติจะต้องออกนอกประเทศให้เร็วที่สุดภายหลังปฏิบัติการด้วยเที่ยวบินเที่ยวแรก

“ฉะนั้น ถ้าหากชาวต่างชาติเข้ามาวางระเบิดในประเทศจริง เมื่อระเบิดเสร็จปั๊บก็จะหนีออกนอกประเทศทันที ออกนอกประเทศไปแล้วก็เป็นอันว่าจบ”