"สุชัชวีร์" ถก ผู้ประกอบการร้านอาหารกลางคืน จี้เร่งแก้โควิด ดึงนักท่องเที่ยว
"เอ้ สุชัชวีร์" ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 4 คุยผู้ประกอบการสมาคมธุรกิจการค้าร้านอาหารกลางคืน ชี้ต้องเร่งแก้โควิด ดึงนักท่องเที่ยวกลับ ช่วยธุรกิจคึกคัก เกิดการจ้างงาน
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 65 ผู้สื่อรายงานว่า เมื่อค่ำวานนี้(15 เม.ย.) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากได้ไปรับฟังปัญหาและอุปสรรคจากผู้ประกอบการสมาคมธุรกิจการค้าร้านอาหารกลางคืน พนักงานเสิร์ฟ และนักดนตรี โดยมี ดร.ญาณี เลยวานิชเจริญ เลขาสมาคมธุรกิจร้านอาหารกลางคืน นายณพลเดช เหตระกูล กรรมการสมาคมฯ พบว่า หากโควิดยังมีสถานการณ์เช่นนี้ จะทำให้ร้านอาหารกลางคืนยิ่งลำบากอย่างต่อเนื่อง หลังจากต้องปิดร้านไปหลายรอบ อีกทั้งภาครัฐมีมาตรการจัดการร้านที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวไม่ได้มีเพียงผู้ประกอบการร้านอาหารเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่จะส่งผลถึงพนักงาน นักดนตรี ทำให้บางคนเมื่อสถานประกอบการปิด ทำให้ขาดรายได้จำเป็นต้องกู้เงินนอกระบบ ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้น ขณะที่บางคนต้องหารายได้เพิ่มด้วยการขับรถส่งอาหาร เนื่องมาจากรายได้ที่เคยได้เป็นรายวันนั้นหดหายไป
ศ.ดร. สุชัชวีร์ กล่าวว่า เมื่อตนได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่า กทม. เรื่องแรกที่ตั้งใจจะจัดการคือ จะลงไปต่อสู้กับโควิดอย่างเข้มข้น ด้วยการเสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมือแพทย์อย่างทั่วถึง เพราะเมื่อ กทม. แก้ปัญหาเรื่องโควิด ได้ จะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมา คนไม่ตกงาน เกิดการจ้างงานได้อีกหลายพันตำแหน่ง และบุคลากรทางการแพทย์สามารถรักษาโรคอื่นๆ ได้ด้วย
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการสมาคมธุรกิจอาหารกลางคืน ได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์โควิด 19 โดยเฉพาะในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในกรุงเทพมหานคร และขณะนี้ กทม. เองยังไม่มีมาตรการรองรับในเรื่องดังกล่าว จึงได้ตั้งข้อสังเกต 3 เรื่อง ประกอบด้วย
1. ความสะอาด ในเรื่องการจัดการความสะอาดนั้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องจ่ายเงินให้ กทม. เพิ่มเป็นพิเศษ จึงจะได้รับการดูแลและมาเก็บขยะ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ กทม. ที่ต้องดูแลด้านสุขอนามัย และความสะอาดให้กับพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว
2. มาตรการเยียวยาในอนาคต ด้วยอำนาจของ กทม. ในการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ ดังนั้น กทม. ควรพิจารณาใช้มาตรการด้านภาษี อาทิ การลดภาษีที่ดินบางส่วน เพื่อเป็นการส่งเสริมร้านอาหารที่ทำความดี และทำได้ตามเงื่อนไขมาตรการภาครัฐ
3. กทม. ควรจัดตั้งรางวัลการทำความดี เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารกลางคืนที่สามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขรางวัล อาทิ รางวัลร้านสะอาด รางวัลร้านอาหารปลอดภัย ซึ่งร้านสามารถใช้รางวัลดังกล่าวสร้างชื่อเสียง เพิ่มยอดขายได้ต่อไป