posttoday

ตั้งกองทัพประชาชน เกมชิงการนำเสื้อแดง

05 กุมภาพันธ์ 2553

ยุทธวิธีเดิมของเครือข่ายทักษิณ ยังเป็นรูปแบบ “กดดันต่อรองเจรจา” แม้พลพรรคเสื้อแดงพยายามยั่วยุรัฐบาลทุกวิถีทาง เพื่อให้ฝ่ายรัฐตกหลุมใช้ความรุนแรงก่อน

ยุทธวิธีเดิมของเครือข่ายทักษิณ ยังเป็นรูปแบบ “กดดันต่อรองเจรจา” แม้พลพรรคเสื้อแดงพยายามยั่วยุรัฐบาลทุกวิถีทาง เพื่อให้ฝ่ายรัฐตกหลุมใช้ความรุนแรงก่อน

โดย...ทีมข่าวการเมือง

การออกมาเปิดประเด็นของสองทหารเอกของทักษิณ ชินวัตร “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี-พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” ว่า ที่ประชุมดูไบมีมติให้ตั้งกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (กปช.) เพื่อนำประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนสู่ประเทศ

พล.อ.พัลลภอ้างว่า มติดังกล่าวทักษิณเห็นชอบทุกประการ โดยมอบหมายให้ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยเป็น “ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชน”

ใครได้ฟัง ถึงกับขนลุก เหมือนปลุกผีคอมมิวนิสต์มาโค่นล้มอำมาตย์

ที่สุดก็เป็นข่าววุ่นทั้งวัน

“ทักษิณคลั่งหนัก จะเป็นผู้นำปฏิวัติประชาชน ใช้แนวทางพรรคคอมมิวนิสต์ จับอาวุธใช้ความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมือง การปกครองสู่ “รัฐไทยใหม่”

หวังดึง “ซ้ายเก่า” โดยเฉพาะอดีตสหายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ให้กลับมาถือปืนสู้อำนาจรัฐอีกรอบ

บิ๊กรัฐบาลเองก็ยิ้มร่า เพราะงานนี้เข้าทาง เลยออกมาเรียงหน้าเตือนว่า ระวังจะเข้าข่าย “กบฏ” ต่อแผ่นดิน

แต่พะยี่ห้อของเสธ.แดง และพล.อ.พัลลภ ผู้ชำนาญเกมรบใต้ดิน ผ่านสงครามกองโจรหลายรูปแบบ การออกมาคำรามโดยอ้างมติดูไบ โชว์ภาพถ่ายหมู่ร่วมกับทักษิณในการหารือที่ดูไบลงใน “เว็บไซต์เสธ.แดง”

เป็นหลักฐานยืนยันไปพบทักษิณจริง เล่นเอาสังคมตกใจว่าประเทศจะเกิดจลาจลการเมืองจะเข้าสู่จุดแตกหักก่อนวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 26 ก.พ.
ทักษิณจะใช้สงครามเต็มรูปก่อกวนบนดิน ใต้ดิน โดยใช้ความรุนแรงเป็นตัวนำ

บนดิน ใช้พรรคเพื่อไทยสู้ในระบบรัฐสภาสั่นสะเทือนด้วยศึกซักฟอกรัฐบาลที่เข้มงวดมาทุกขณะ ส่วนกองกำลังเสื้อแดงใช้มวลชนรากหญ้าคอยรบข้างถนน ขณะที่ “ใต้ดิน” เป็นสงครามกองโจรของขุนทหารนักฆ่าสีแดง

แต่จนแล้วจนรอด บรรดาขุนพลอยพยัคฆ์ของทักษิณทั้งหลาย ก็ออกมาปฏิเสธว่า ทั้งหมดเป็นแนวคิดของเสธ.แดง กับ พล.อ.พัลลภ ไม่เกี่ยวกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

ชิงตัดไฟแต่ต้นลม...

เพราะประเมินบวกลบแล้ว ข่าวการตั้ง “กองทัพประชาชนปลดแอกเพื่อทักษิณ” ดูจะเป็นบูเมอแรงที่มาทุบสร้างความเสียหายให้กับทักษิณและเสื้อแดงเอง

และถ้าลากยาวไปเรื่อยๆ ว่า ทักษิณกำลังเตรียมแผนจับอาวุธล้มรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้ภาพเสื้อแดงที่กำลังเดินมาถูกทางกับผลงานทวงคืน “ที่ดินสองมาตรฐาน” โดยเคลื่อนไหวในแนวทางสันติวิธี ถูกดิสเครดิตจากขั้วการเมืองตรงข้ามได้ง่าย

เพราะเป้าหมายเบื้องหน้า ขณะนี้คือ การชุมนุมใหญ่ก่อนวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ที่บิ๊กเสื้อแดงกำลัง “อุ่น-สร้าง-ปั่น” กระแสเขย่า “กองทัพรัฐบาลอำมาตย์”

ดังนั้น การจะขับเคลื่อนอะไรในช่วงทำสงครามครั้งใหญ่จึงอยู่ในช่วงเปราะบาง ที่ต้องระมัดระวังเพราะฝ่าย “กองทัพรัฐบาล” กับทักษิณต่างชิงไหวชิงพริบ ใครเพลี่ยงพล้ำใช้ความรุนแรงก่อน นั่นย่อมหมายถึงการสูญเสียความชอบธรรมตามมา

กองกำลังเสื้อแดงมี “จุดด่าง” จากภาพใช้ความรุนแรงในช่วงสงกรานต์จลาจลเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว จึงพยายามเตือนสติกันเองว่า การใช้ความรุนแรงเพื่อล้มรัฐบาล ณ เวลานี้ ไม่สมควร เพราะอาจทำให้พังทั้งขบวน การขู่จะบุกสนามบินสุวรรณภูมิของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือการที่อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ประกาศจะเดินทางไปโรงพยาบาลศิริราชเพื่อถวายรายงานต่อในหลวงถึงความไม่เหมาะสมขององคมนตรีบางคนก็ดี กระทั่งการเรียกร้องให้คนเสื้อแดงนำขวดแก้วบรรจุน้ำมันติดตัวเพื่อทวงคืนรัฐธรรมนูญ 2540

ที่สุดก็แค่เขียนเสือให้วัวกลัว เล่นสงครามจิตวิทยายั่วให้กองทัพรัฐบาลออกอาวุธก่อน

ยุทธวิธีของคนเสื้อแดง มิใช่ว่าจะเร่งเผด็จศึกเร่งแตกหักให้ตายกันไปข้าง แต่มองเกมยาวที่ต้องรบยืดเยื้อ ดังนั้น จึงต้องสร้างองค์กรให้เข้มแข็งในระยะยาว มองไกลไปถึงหลังเลือกตั้งใหญ่ เพราะรู้ว่าการรบกับ “พลังจารีต” ต้องใช้ทุกสรรพกำลัง ทั้งปัญญา มวลชน โดยเฉพาะการต่อสู้ทางความคิด

ที่สำคัญแกนนำเสื้อแดงต้องการให้การขับเคลื่อนขององค์กรอยู่ในกรอบสันติวิธีเพื่อสร้างความชอบธรรม ไม่ให้สูญเสียการตอบรับจากมวลชน

แต่ในระหว่างเปิดสงครามการรบชิงขุมทรัพย์ ทักษิณได้แนวร่วมหลากหลาย ถนนทุกสาย แม่น้ำร้อยสาย ทั้งซ้ายเก่า ซ้ายใหม่ นักรบบ้าระห่ำที่ไม่ชอบอำมาตย์มานาน รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ ต่างวิ่งเข้าหาทักษิณเพื่อเสนอสูตรล้มรัฐบาลต่างๆ นานา

ทักษิณไม่มีสิทธิปฏิเสธแบบหักหาญน้ำใจ เหมือนปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยที่เขาใช้ขุนพลทุกประเภท

เช่น แม้จะไม่ปลื้มกับเฉลิม อยู่บำรุง แต่ก็ต้องใช้เฉลิม เพราะสถานการณ์บางสถานการณ์ต้องใช้ขุนพลเฉพาะด้าน

เหมือนอย่างครั้งนี้ สุดท้ายแล้วทั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พี่ใหญ่ในเพื่อไทย ผู้อยู่เบื้องหลังนโยบาย 66/23 แก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ในยุคพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ปฏิเสธตำแหน่ง “ผู้นำซ้ายเก่า” หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพปลดแอกประชาชน ที่พล.อ.พัลลภ โยนเผือกร้อนให้บนเหตุผลว่า คนเสื้อแดงยึดรูปแบบสันติวิธี และตัวบิ๊กจิ๋วเอง ก็ยึดแนวทางสมานฉันท์ ปรองดองมาตลอดชีวิต

ขณะที่ ทักษิณเอง ก็รีบดับกระแส

“อย่าตกใจกับข่าวว่าจะมีอะไรรุนแรง ผมบอกทุกคนที่มาหาว่าเราจะต่อสู้ด้วยความจริงโดยสันติวิธี การพูดของเสธ.แดง เป็นการเตือนรัฐบาลไม่ให้ปราบประชาชน”

ทว่า แผนการตั้ง “กองทัพปลดแอกประชาชน” เพื่อปฏิวัติให้ทักษิณ เป็นแผนของสายเหยี่ยวเสธ.แดง กับ พล.อ.พัลลภ ที่หวัง “ชิงการนำ” ช่วงชิงอำนาจต่อรองกันเองในองค์กรเสื้อแดง

แม้แต่ จตุพร พรหมพันธุ์ สามเกลอ ก็รู้ทันไม่ยอมให้ “เสธ.แดงพล.อ.พัลลภ” มาฮุบมวลชนเสื้อแดงที่พวกเขาสร้างสมกันมานาน ไปอยู่ภายใต้ “กองทัพปลดแอกประชาชน” ง่ายๆ โดยอ้างว่า นปช.ไม่เคยมีมติอย่างนี้มาก่อน และทั้งสองก็เป็นแค่แนวร่วม ไม่ใช่แกนนำนปช.

ยิ่งใกล้ 26 ก.พ. จึงเห็นอาการที่บรรดาขุนพลคนรับใช้ทักษิณ พยายามเสนอโครงการวางบิลให้นายใหญ่เคาะ เพราะรู้ว่าใครทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์เพลี่ยงพล้ำยุบสภาได้งานนี้อาจได้ขึ้นบัญชีเป็นรัฐมนตรีรอบหน้า

ยุทธวิธีเดิมของเครือข่ายทักษิณ ยังเป็นรูปแบบ “กดดันต่อรองเจรจา” แม้พลพรรคเสื้อแดงพยายามยั่วยุรัฐบาลทุกวิถีทาง เพื่อให้ฝ่ายรัฐตกหลุมใช้ความรุนแรงก่อน เมื่อเพลี่ยงพล้ำจึงกดดันให้เปิดเกมเจรจากับทักษิณ

แต่แกนนำเสื้อแดงก็เช่นกัน กำลังติดกับดักตัวเอง เพราะหากคุมมวลชน และแนวร่วมที่พร้อมใช้ความรุนแรงทุกสถานการณ์ไม่อยู่ ก็มีหวังต้องปิดฉากตัวเองเช่นกัน