posttoday

หลังสงกรานต์ เดือด การเมืองขยับรับเลือกตั้ง

15 เมษายน 2554

หลังพ้นช่วงสงกรานต์ การเมืองน่าจะดุเดือดอีกครั้ง ด้วยท่าทีที่ชัดเจนของฝั่งฝ่ายการเมืองที่ต้องรีบชิงจังหวะกันในโค้งสุดท้าย...

หลังพ้นช่วงสงกรานต์ การเมืองน่าจะดุเดือดอีกครั้ง ด้วยท่าทีที่ชัดเจนของฝั่งฝ่ายการเมืองที่ต้องรีบชิงจังหวะกันในโค้งสุดท้าย...

โดย...ทีมข่าวการเมือง

สัญญาณชัดเจนอีกรอบ จาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี นับถอยหลังจากเทศกาลสงกรานต์ “รัฐบาล” จะเหลือเวลาทำงานอีกครึ่งเดือนก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกผู้บริหารประเทศชุดใหม่

หลังสงกรานต์ เดือด การเมืองขยับรับเลือกตั้ง

“จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปตามตารางเวลาที่ตนกำหนดไว้ เพราะขณะนี้ สว.ได้รับหลักการกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับแล้ว ซึ่งดูตามตารางเวลาทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ คิดว่าสถานการณ์การเมืองคงไม่ต่างจากช่วงเวลานี้ เพราะทุกคนคงมุ่งสู่การเลือกตั้ง การยุบสภาจะเกิดขึ้นไม่เกินต้นเดือน พ.ค.นี้

...เห็นว่าคงจะมีคนกลุ่มน้อยมากๆ ที่ไม่ต้องการเห็นการเลือกตั้ง ดังนั้นเราต้องช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้เดินไปได้ด้วยระบอบประชาธิปไตย”

จิ๊กซอว์อีกตัวที่สำคัญคือกฎหมายลูก 3 ฉบับ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางกรอบกติกาการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่เปลี่ยนจากระบบเดิมมาเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว 375 คน และบัญชีรายชื่อ 125 คน ซึ่งกฎหมายทั้งสามฉบับขณะนี้ผ่านการเห็นชอบในหลักการวาระแรกของวุฒิสภา สัปดาห์หน้าเชื่อว่าจะสามารถผ่านวาระ 23

กางปฏิทินการเมืองเวอร์ชัน ชาติไทยพัฒนา ตามการคำนวณของ ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ที่ออกมาวิเคราะห์ว่า ถ้ายุบสภาช่วงวัน 17 พ.ค. วันเลือกตั้งน่าจะตกวันที่ 26 มิ.ย. หรือวันที่ 3 ก.ค. นับแล้วจึงเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนนิดหน่อย

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวจากฝั่ง “การเมือง” ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และจองกฐินเตรียมประกาศตัวผู้สมัคร และงัดนโยบายมาสู้ศึกเลือกตั้งในช่วงสัปดาห์เทศกาลกันอย่างดุเดือด

เริ่มตั้งแต่ “ประชาธิปัตย์” ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลที่ต้องลงสนามรักษาแชมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ประชุมพรรคมีมตินำนโยบายใต้แนววิวัฒน์ “เดินหน้าต่อไปด้วยนโยบายประชาชน” ตามที่ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไปจัดทำมาเป็นนโยบายหลักหาเสียง

สาระสำคัญเป็นแพ็กเกจ 3 ชุดนโยบาย ประกอบด้วย 1.ครอบครัวต้องเดินหน้า 2.เศรษฐกิจต้องเดินหน้า และ 3.ประเทศชาติต้องเดินหน้า เพื่อให้บ้านเมืองพ้นภาวะวิกฤต ต่อยอดจากนโยบายที่ผ่านมา ทั้งไฟฟรี น้ำฟรี ต่อยอดโครงการบ้านมั่นคง เพิ่มเงินกำไรอีก 25% จากโครงการประกันรายได้เกษตรกร ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 25% ในเวลา 2 ปี

พร้อมดีเดย์ 20 เม.ย. ให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ออกทีวีสื่อสารตรงกับประชาชน ตามเวลาหาเสียงที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดสรรให้ กับการประกาศนโยบาย 4 กรอบ คือ การเพิ่มรายได้ การลดรายจ่าย การแก้ปัญหายาเสพติด และการขยายโอกาสทางการศึกษา ก่อนจะไล่เรียงเปิดตัวผู้สมัครของพรรคที่กำลังใกล้จะได้ข้อสรุปในช่วงนี้

ไล่มาวันที่ 21 เม.ย. พรรคชาติไทยพัฒนา เตรียมประกาศเปิดตัวผู้สมัครรอบแรก ที่มีเสียงยืนยันจากแกนนำพรรคว่า ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ “เจ๋ง” ทุกคน ท่ามกลางข่าวกระเซ็นกระสายว่าอยู่ระหว่างการทาบทามอดีตนางงามอายุ 24-25 ปี รวมทั้งนักกีฬาที่จะมาร่วมลงเลือกตั้งครั้งนี้

ไปจนถึงบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ว่ากันว่าจะเป็นการเปิดตัว ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรครวมชาติพัฒนา ที่มีข่าวว่า เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อาศัยความสัมพันธ์เก่าก่อน เตรียมดึงมาเสริมทัพสร้างความเข้มแข็งให้พื้นที่ภาคกลางร่วมงานใต้ชายคาพรรคชาติไทยพัฒนาลุยศึกเลือกตั้ง

หลังจากโหมโรงก่อนหน้านี้ด้วยการนำทีมของ นิกร จำนง กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา วัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรค นำทีมงานแจกวารสารและใบปลิวรณรงค์หาเสียง ณ สถานีรถไฟฟ้า และสถานีรถไฟ ในแนวทางหลัก “การเมืองไม่ขัดแย้ง” พร้อมนำเสนอผลงานที่ผ่านมา ทั้งด้านท่องเที่ยว กีฬา งานเกษตร การคมนาคม

ที่ต้องจับตามองคือวันที่ 23 เม.ย. พรรคเพื่อไทยได้ฤกษ์ “คิกออฟ” นโยบายใหม่ใต้สโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งเป็นสถานที่ที่พรรคไทยรักไทยเปิดตัวครั้งแรก งานนี้จะเปิดตัวผู้สมัคร ทั้งระบบเขต และบัญชีรายชื่อ แต่ยังไม่เปิดลำดับว่าใครอยู่ในลำดับใด จะต้องรอวันประกาศรับสมัครรับเลือกตั้งก่อน

ไฮไลต์สำคัญหนีไม่พ้นการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยท่าทีล่าสุด ซึ่งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะวอลสตรีต เจอร์นัล จากบ้านพักในกรุงดูไบ ว่าหากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งจะกลับมามีบทบาทสำคัญในการบริหารจากต่างประเทศ

งานคิกออฟของเพื่อไทยครั้งนี้จึงจะเป็นการเริ่มประกาศตัวลงสนามเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งว่ากันว่าเตรียมระดมแกนนำจากทั่วประเทศ 3 หมื่นคน ร่วมเป็นสักขีพยานจึงถือเปิดนโยบายยักษ์ อาทิ รถไฟความเร็วสูงใน 3 เส้นทางหลัก คือ กรุงเทพฯสุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯหนองคาย และกรุงเทพฯเชียงใหม่ ส่วนเส้นทางย่อย คือ กรุงเทพฯหัวหิน และกรุงเทพฯระยอง พร้อมทุ่ม 1,000 ล้านบาท ตั้งกองทุน “เถ้าแก่น้อย” เปิดให้บัณฑิตจบใหม่กู้ไปประกอบธุรกิจ

ส่วนท่าทีของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก ก่อนหน้านี้ ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสชื่อดัง ได้แถลงเปิดตัวเดินงานการเมืองกับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เตรียมลงสนาม กทม. เดินหน้าผลักดันวงการกีฬาตามคำชักนำของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยฯ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน

สำหรับ “ภูมิใจไทย” ยัง “อุบไต๋” ต้องรอดูท่าทีจากพรรคใหญ่ก่อนจะเปิดตัวทั้งผู้สมัคร และตัวนโยบาย โดยระบุเพียงแต่ว่า จะมีการประกาศแคมเปญหลังจากที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างดีแล้ว โดยเฉพาะกับผู้สมัครที่มีติดต่อเข้ามา แต่ไม่จำเป็นต้องรีบเปิดตัว เพราะหลังยุบสภามีเวลาเตรียมการเลือกตั้ง 45 วัน

ส่วนพรรค “รักษ์สันติ” ล่าสุดได้เปิดตัว “พีระพงศ์ สาคริก” บุตรชาย ระพี สาคริก นักวิชาการอาวุโส เข้าร่วมงานกับพรรค ส่วนคนอื่นๆ ขณะนี้มีทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง อดีต สส. ที่ว่างเว้นทางการเมืองมาแล้วระยะหนึ่ง โดยมี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นแม่ทัพ หวังเจาะพื้นที่หัวเมืองใหญ่แชร์เสียงบัญชีรายชื่อที่มั่นใจว่าจะได้คะแนนเกิน 1% แน่นอน

ดังนั้น หลังพ้นช่วงสงกรานต์ การเมืองน่าจะดุเดือดอีกครั้ง ด้วยท่าทีที่ชัดเจนของฝั่งฝ่ายการเมืองที่ต้องรีบชิงจังหวะกันในโค้งสุดท้าย...