posttoday

รัฐบาลสำลักปาล์ม 'ปชป.-ภท.'ดิ้นหนีตาย

22 กุมภาพันธ์ 2554

หากฝ่ายค้านไม่นำประเด็นทุจริตน้ำมันปาล์มมาเป็นหัวข้อหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

หากฝ่ายค้านไม่นำประเด็นทุจริตน้ำมันปาล์มมาเป็นหัวข้อหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

โดย...ทีมข่าวการเมือง

รัฐบาลสำลักปาล์ม 'ปชป.-ภท.'ดิ้นหนีตาย

หากฝ่ายค้านไม่นำประเด็นทุจริตน้ำมันปาล์มมาเป็นหัวข้อหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ก็คงไม่ตื่นตัวเร่งแก้ปัญหาจนเป็นไฟลนก้น พร้อมเร่งหาตัว “ไอ้โม่ง” ที่กักตุนน้ำมันปาล์ม หาประโยชน์จากความเดือดร้อนของประชาชน

โดยเฉพาะท่าทีขึงขังของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่เพิ่งสั่งการให้ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” ลงพื้นที่สอบสวนหาผู้กักตุน ปั่นราคา ทั้งที่ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มเรื้อรังมาหลายเดือน

ว่ากันว่า ข้อมูลการเตรียมการของฝ่ายค้านที่จะซักฟอกรัฐบาลนอกจากมีประเด็นทุจริตหลายเรื่อง

ไม่ว่า การระบายสต๊อกข้าว การอนุมัติสัญญาประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี ของกระทรวงไอซีที

แต่ไฮไลต์สำคัญ คือ การทุจริตน้ำมันปาล์มที่ทำเป็นกระบวนการที่ได้ประโยชน์จากการสร้างสถานการณ์บิดเบือนราคาและกลไกตลาด ตั้งแต่กิจการสวนปาล์ม โรงหีบปาล์ม โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ขบวนการขนน้ำมันปาล์มเถื่อนในภาคใต้

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กุนซือใหญ่ทีม “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ออกมาชี้ประเด็นว่า วิกฤตน้ำมันปาล์มเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและเกิดการทุจริตในรัฐบาล

เริ่มจากการปล่อยให้สต๊อกปาล์มน้ำมันลดต่ำลงกว่าปกติมากเกินไป มีการสั่งนำเข้าที่ล่าช้า ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และยังปล่อยให้มีการกักตุนสินค้าในกลุ่มผู้ประกอบการ

โดยเฉพาะ “ปมทุจริต” ที่ฝ่ายค้านเตรียมพุ่งเป้าถล่มรัฐบาลตั้งแต่กลุ่มผู้ประกอบการ นายทุน ที่ทำธุรกิจน้ำมันปาล์ม ซึ่งใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง สส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำธุรกิจน้ำมันปาล์มในภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร หลังพรรคเพื่อไทยระดมปูดตัวย่อ “อ.พ.ส.” ว่าเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่น้ำมันปาล์มที่ได้ประโยชน์

ที่หนีไม่พ้น คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เต็งหนึ่งที่จะตกเป็นเป้าถูกอภิปราย ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่งมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนเนื่องจากทำธุรกิจสวนปาล์ม และยังมารับผิดชอบแก้วิกฤตปาล์มน้ำมันโดยตรง ทั้งที่เจ้าตัวเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายค้านย้อนเกล็ดว่า นี่เป็นการทุจริตเชิงนโยบายรุนแรงกว่ายุคทักษิณ!!

จากการชงเอง กินเอง กักตุนเพื่อเก็งกำไร เอื้อผลประโยชน์น้ำมันปาล์มให้พวกพ้อง สาหัสกว่ากรณี ส.ป.ก. 401 ที่กระทบกับเกษตรกรฝ่ายเดียว แต่กรณีนี้กระเทือนกับประชาชน คนชั้นล่างทุกกลุ่ม พ่อค้า แม่ขาย แม่บ้าน ที่ใช้น้ำมันปาล์มทอดขายอาหาร เมื่อราคาถีบตัวสูงขึ้น ข้าวของต่างๆ ก็แห่กันขึ้นราคาตามในยุคข้าวยากหมากแพง

การอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านจึงหวังฝากบาดแผลให้พรรคประชาธิปัตย์กับปัญหาน้ำมันปาล์ม ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกไม่กี่เดือน

ไม่เท่านั้น ประเด็นน้ำมันปาล์มยังกระทบชิ่งไปยัง พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย เจ้ากระทรวงที่รับผิดชอบโดยตรง เรียกว่ายิงกระสุนนัดเดียวนอกจากกระทบพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ สุเทพ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังกระเทือนทั้งรัฐบาลจนเห็นผลในขณะนี้

การแก้ปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเจอศึกใหญ่ในสภา จึงดิ้นพล่าน ปัดปัญหาให้พ้นตัว โยนให้ “พรทิวา” รับผิดชอบไปเต็มๆ คนเดียว

สุเทพเล่นบทเข้มว่า “การที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่สามารถนำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตที่ 2 จำนวน 1.2 แสนตัน ภายในเดือน ม.ค.นี้ ตามที่ร้องขอ ทำให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร เพราะราคาผลปาล์มปรับลดลง ซึ่งหากกระทรวงพาณิชย์บกพร่องในเรื่องนี้ ก็ต้องตำหนิ เพราะเมื่อขออนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์ม ทางคณะกรรมการก็อนุมัติ แต่ทำไมแก้ปัญหาไม่ได้

“เวลาจะขออนุมัติให้นำเข้า ก็เร่งรัดทุกวัน พอประชุมอนุมัติแล้ว ทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อย ต้องไล่เบี้ยกันไปว่าใครเป็นคนรับผิดชอบ ปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนคงไม่ยอม...จะทำอะไรก็ต้องทำแล้ว เพราะวันนี้ผมได้ส่งสัญญาณชัดเจนแล้ว”

ขณะที่อภิสิทธิ์ก็ออกมาตำหนิกระทรวงพาณิชย์อีกดอกที่ล่าช้า ไม่เร่งรัดการนำเข้า

การโยนปัญหาไปให้กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบฝ่ายเดียว อาจได้ผลในทางการเมืองก่อนการอภิปราย เพราะพรรคภูมิใจไทยมีภาพติดลบกับการทุจริตคอร์รัปชันในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นการเฉลี่ยปัญหาความไม่โปร่งใส ส่อทุจริต ไม่ให้ตกอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์กลุ่มเดียว

แต่บทบาทของกระทรวงพาณิชย์อยู่ในฐานะ “ปลายน้ำ” ของปัญหา หาใช่ “ต้นน้ำ” อย่างที่เจ๊วาพูด

ระเบิดปาล์มน้ำมันรอบนี้รุนแรง พรรคประชาธิปัตย์รู้ดีว่าประเด็นปัญหาปากท้อง สินค้าอุปโภคราคาแพง เปราะบางต่อความรู้สึกของประชาชน หากฝ่ายค้านโน้มน้าวและมีหลักฐานให้ประชาชนเชื่อได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นและเงินตกหล่นอยู่กับเครือข่ายในพรรคประชาธิปัตย์ หรือเข้าตรงคนในพรรค ก็จะกระทบต่อคะแนนเสียง

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ทิ้งทวนการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเอง เป้าใหญ่ยังเหมือนเดิม คือ พรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย แพ็กคู่ด้วยเรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่ช้ำมา 3 ปี

จะกรรเชียงรอดหรือไม่ ต้องติดตาม