posttoday

บิ๊กตู่อยู่ต่อ...ด้วยความยากลำบาก

04 กันยายน 2564

โดย...ทีมข่าวการเมือง

***********

แม้ผลการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้ง 5 คน จะได้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ด้วยคะแนนดังนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้คะแนน ไว้วางใจ 264 ไม่ไว้วางใจ 208 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข มีคะแนนไว้วางใจ 269 เสียง ไม่ไว้วางใจ 196 เสียง งดออกเสียง 11 เสียง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน มีคะแนน ไว้วางใจ 263 เสียง ไม่ไว้วางใจ 201 เสียง งดออกเสียง 10 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไว้วางใจ 269 เสียง ไม่ไว้วางใจ 195 เสียง งดออกเสียง 10 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีคะแนนไว้วางใจ 270 เสียง ไม่ไว้วางใจ 199 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีคะแนน ไว้วางใจ 267 เสียง ไม่ไว้วางใจ 202 เสียง งดออกเสียง 9 เสียง

เมื่อไล่เรียงผลคะแนนที่ออกมาปรากฎว่า "บิ๊กตู่"ได้คะแนนเสียงไว้วางใจ"รองบ๊วย"คือ 264 เสียง มากกว่า นายสุชาติ ที่ได้คะแนนอันดับบ๊วยสุด แค่ 1 เสียงคือ 263เสียง ในขณะที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไว้วางใจสูงสุด 270 เสียง

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น หากดูคะแนนผลการโหวตไม่วางวางใจ นั้นปรากฎว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจสูงสุดคือ 208 คะแนน ซึ่งแน่นอน ย่อมทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอับอาย เสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนน้อยกว่ารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลเสียอีก

ยิ่งท่ามกลางสถานการณ์มีการชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่อย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ผลคะแนนที่ออกมาเช่นนี้ ย่อมทำให้เป็นเชื้อไฟในการขับไล่เป็นอย่างดี และถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้อยู่ในเก้าอี้ผู้นำต่อไป แต่จากนี้คงอยู่ลำบากไม่ราบรื่นเหมือนที่ผ่านมา

ผลคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมายังสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเคลียร์ใจกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่สนิท และศึกในพรรคพลังประชารัฐ ยังรอการปะทุ อยู่

ซึ่งสอดรับกับกระแสข่าวช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจใน1-2วันแรก ที่ออกมาในทำนอง ร.อ.ธรรมนัส เดินสายล็อบบี้พรรคเล็กเพื่อให้โหวตคว่ำ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อปูทางให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นนายกฯ

ทันทีที่กระแสข่าวนี้กระพือออกมา"บิ๊กตู่"ควันออกหู โทรศัพท์ ไปสอบถามคาดคั้นจาก "บิ๊กป้อม" พร้อมกับออกมาให้สัมภาษณ์พุ่งเป้าไปหา ร.อ.ธรรมนัส ทันที

งานนี้"ร.อ.ธรรมนัส"เสียงแข็งพร้อมประกาศไม่คุย ไม่เคลียร์ ไม่ยึดติดตำแหน่ง เหตุการณ์มีแนวโน้มจะล้มบิ๊กตู่กันจริง เพราะหากดูจำนวนเสียงที่ใช้ล้ม พล.อ.ประยุทธ์ นั้นใช้จำนวนส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเพียง 30 เสียงเท่านั้น ซึ่งร.อ.ธรรมนัสและบิ๊กป้อม มีเสียงส.ส.ใน พปชร.ตัวเลขกลมๆประมาณ 30เสียง และยังมีพรรคเล็กที่รวมตัวกันต่อรองกล้วยในการโหวตแต่ละครั้งอีก 23 เสียง

ทว่า"บิ๊กตู่"พลิกเกม เรียกส.ส.พปชร.เข้าพบเคลียร์ใจกันที่สภาท่ามกลาง กระแสเงินสะพัดหัวละ 5ล้าน ตามที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาแฉกลางสภา และก่อนถึงวันโหวตก็มีการนัดเคลียร์ใจกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ

ทั้งนี้ทุกอย่างดูเหมือนในพปชร.จะจบ โดยที่"บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก"พร้อมจะลงมาดูแลส.ส.กันมากขึ้น ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะมีการอัดฉีดส.ส.พลังประชารัฐ หลังอภิปรายคนละ1ก.ก.พร้อมโครงการงบประมาณ 100 ล้านต่อคน

ทว่าเมื่อผลการโหวตออกมา พล.อ.ประยุทธ์  มีส.ส.ลงคะแนนไม่ไว้วางใจมากที่สุดและโดยที่ได้คะแนนไว้วางใจแค่รองบ๊วยชนิดไม่สมศักดิ์ศรีคนเป็นนายกฯ โดยที่พรรคเล็ก ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส คุมเสียงอยู่ อย่างน้อย 4 เสียง อาทิ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคไทรักธรรม และพรรครักษ์ผืนป่าแห่งประเทศไทย โหวตไม่วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นก็ย่อมแสดงให้เห็นว่า ข้อบาดหมางระหว่างร.อ.ธรรมนัส และบิ๊กตู่ ยังอยู่

จากนี้ต้องจับตาว่า หลังจากบิ๊กตู่รอดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ อำนาจกลับมาสู่มือนายกฯเต็มสูบอีกครั้ง ทั้งการปรับครม.เพื่อเช็กบิลเสี้ยนหนามในพปชร.หรือยุบสภาชิ่งหนีไปเลยเนื่องจากดูแนวโน้มโอกาสในการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครัั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นชักตืบตัน  งานนี้ บิ๊กตู่จะใช้หนทางใดเป็นทางออกในสถานการณ์ขาลงเช่นนี้ต้องไม่กระพริบ