posttoday

ถอดรหัสสวัสดิการนิยม

16 ธันวาคม 2553

รัฐบาลกำลังจะ “ดีเดย์” นโยบายสวัสดิการนิยมฉบับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก่อนปีใหม่นี้

รัฐบาลกำลังจะ “ดีเดย์” นโยบายสวัสดิการนิยมฉบับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก่อนปีใหม่นี้

โดย...ทีมข่าวการเงิน

ถอดรหัสสวัสดิการนิยม

รัฐบาลกำลังจะ “ดีเดย์” นโยบายสวัสดิการนิยมฉบับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก่อนปีใหม่นี้

โดยแพ็กเกจใหม่จะเน้นรากหญ้าทั้งในเมืองและภูมิภาค ครอบคลุมด้านการรักษาพยาบาล การทำมาหากิน และการศึกษา

กลุ่มอาชีพที่ถูก “สปอตไลต์” มากที่สุดคือรถจักรยานยนต์รับจ้าง แท็กซี่ และหาบเร่แผงลอย

ขณะที่ในต่างจังหวัดจะเน้นรากหญ้าในเมืองและรอบๆ พื้นที่

เป้าหมายหลักคือการเข้าตี “พื้นที่สีแดง” หลังเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเดือน พ.ค.ผ่านไป รัฐก็เริ่มเห็นตัวกันชัดเจนแจ่มแจ้ง

กลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง คือหนึ่งในแนวรบแดงแบบเคลื่อนที่เร็วหรือจรยุทธ์ วิทยุชุมชนเรียกระดมที่ไหนก็วิ่งมาได้ทันที

แท็กซี่คือแนวรบบนท้องถนน ที่ฟังวิทยุชุมชนตลอดเวลา ปลุกปลอบความคิดกันจนได้ที่เหมือนฝัง “ชิป” เอาไว้ในหัว

รัฐบาลเองก็รู้เรื่องนี้ดีว่าแกนหลักของผู้ชุมนุมที่เคลื่อนที่เร็วและร้อนแรงสุดๆ อยู่ในสองกลุ่มอาชีพนี้

รัฐบาลรู้ว่าหัวใจหลักของรถจักรยานยนต์รับจ้าง คือ ไม่ต้องการจ่ายค่าเสื้อวินที่แพงหูฉี่

วิธีการก็คือทำสถานที่ตั้งวินรถจักรยานยนต์ให้ถูกกฎหมาย เป็นการลดค่าใช้จ่าย ที่เคยเสีย 1,0002,000 บาท/เดือน

ส่วนป้ายดำที่มีอยู่ก็จะปรับให้เป็นป้ายเหลือง ถูกต้อง ไม่ต้องเสียค่าปรับ ค่าส่วย ให้ผู้คุ้มครอง 300500 บาท/เดือน

ขณะที่ซุ้มวินแต่เดิมไม่เป็นเพิงหมาแหงน ก็ต้องหลบแดดหลบฝนอยู่ใต้สะพานลอยคนข้าม รัฐบาลก็จะปรับให้เป็นวินมาตรฐาน 200 แห่ง

พัฒนาระบบสาธารณูปโภคของวินแบบครบครัน ทั้งไฟฟ้า น้ำดื่ม และป้ายแสดงราคามาตรฐาน

ตอนนี้ถ้าใครจะลองดูวินมาตรฐานที่ทำไปแล้วต้องไปดูวินที่หน้าตลาดคลองเตย มีการติดเคเบิลทีวี เปิดสารคดีเพื่อการศึกษาให้ดูด้วยถ้า 1 วิน มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง 3050 คัน งานนี้น่าจะมีคนอาชีพนี้เอาด้วยกับรัฐบาลประมาณ 1 หมื่นคน

ส่วนแท็กซี่นั้น รัฐบาลมองว่าปัญหาหลักๆ ในการประกอบอาชีพคือไม่มีจุดจอดรถ โดยเฉพาะจุดที่ผู้คนหนาแน่นอย่างสถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่ง หรือสนามบินสุวรรณภูมิ

จะมีการพัฒนาจุดจอดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนอกระบบ พร้อมจัดจุดแท็กซี่สี่มุมเมือง ซึ่งเปรียบเสมือนโครงข่ายสำคัญในการเดินทางเชื่อมระหว่างปริมณฑลกับ กทม.

แท็กซี่คุณภาพดี รัฐบาลจะยกระดับขึ้นไปอีกระดับให้เป็นแท็กซี่วีไอพี คือรับลูกค้าได้ในระดับราคาที่สูงขึ้น

พร้อมเปิดโอกาสผู้ขับรถแท็กซี่เป็นเจ้าของรถใหม่ ในโครงการ “แท็กซี่ไทยเข้มแข็ง” ผ่อนวันละ 400550 บาท

จุดขายของแท็กซี่ไทยเข้มแข็งคือมีประกันชีวิตติดไปด้วยถึง 2,000 คัน

กลุ่มหาบเร่แผงลอย เป็นกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลและเอียงไปทางเสื้อแดงอย่างละครึ่งๆ

รัฐบาลจะสร้างจุดผ่อนผันการค้าขายที่ถูกกฎหมาย 200 จุด ให้ผู้ค้า 6,000 ราย และภายใน 1 ปี จะเพิ่มให้ถึง 1,000 จุด

เชื่อว่าจะลดรายจ่ายให้ผู้ค้าได้ 1,000 บาท/เดือน

พร้อมตรวจสอบแผงค้าปัจจุบันว่า ประวัติคนขายเป็นอย่างไร มีการเซ้งต่อ ไม่ได้ขายเอง ก็จะถูกยึดสัมปทาน เพื่อนำไปให้คนทำมาค้าขายจริงๆ ไม่ใช่กินหัวคิวอย่างเดียว

เรื่องนี้มีทั้งเสียงตอบรับและไม่มั่นใจกับนโยบายรัฐ เพราะเกรงว่าจุดค้าขายที่รัฐบาลจะผ่อนผันให้ อาจไม่ใช่จุดที่ผู้คนพลุกพล่าน

แต่ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบให้พุ่งขึ้นได้จะตอบสนองปากท้องได้ดีกว่า

สวัสดิการสังคมที่รัฐบาลจะเข้าไปสนองอาชีพทั้ง 3 กลุ่ม คือการใช้ระบบ “ประกันสังคม” เป็นหัวหอก

โดยเฉพาะการลดราคาประกันสังคมภาคสมัครใจ หรือมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2553

จะเป็น “นโยบายพิเศษ” หั่นราคาสมาชิกประกันสังคมเหลือต่ำสุด 100 บาท จากปกติ280 บาท

เชื่อว่าจะมีแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ สมัครใจเข้าสู่ประกันสังคมนับแสนคน

ปัญหาก็คือสิ่งที่คนหาเช้ากินค่ำอย่างรถจักรยานยนต์รับจ้าง แท็กซี่ หรือพ่อค้าหาบเร่ต้องการคือ สวัสดิการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น

สิ่งที่ฝังหัวคือถ้าเป็นสมาชิกประกันสังคมจะต้องได้รับสิทธิรักษาพยาบาลที่ดีกว่า 30 บาท

จึงถือเป็นโจทย์ที่รัฐบาลกำลังคิดหนัก เพราะถ้ารับโอนนอกระบบเข้ามา ต้องแบกรับภาระค่ารักษาอีกมหาศาล

อีกส่วนหนึ่ง รัฐบาลจะตั้ง “กองทุนสวัสดิการสังคมเพื่อกลุ่มอาชีพแท็กซี่ รถจักรยานยนต์ หาบเร่แผงลอย” โดยมีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเป็นศูนย์กลางประสานกับองค์กรภาครัฐ สังคม และธนาคารรัฐ

ถือเป็นจุดศูนย์กลางในการรวมตัว ขึ้นทะเบียน และค้ำประกันการกู้เงิน

ขณะที่รากหญ้า ชาวบ้านร้านตลาดในต่างจังหวัด รัฐบาลจะชูนโยบายด้านการศึกษา มีการสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กระดับตำบลขึ้น เพื่อให้เด็กๆ ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีขึ้น

ขณะที่ผู้ใหญ่ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ แก่ชราแค่ไหน แต่ไม่แก่เกินเรียน สามารถมาขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลเพื่อขอทุนในการเรียนต่อได้

ถือเป็นการต่อยอดนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของรัฐบาลประชาธิปัตย์

ส่วนคนที่ทำมาค้าขาย ต้องการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลมีแนวคิดจะเปิดให้กู้ได้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ผ่อนปรนเรื่องการค้ำประกันซึ่งเป็นปัญหาหนักอกของพ่อค้าแม่ขายมาโดยตลอด

งานนี้รัฐบาลตั้งเป้าละลายพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ไม่เอารัฐบาล พร้อมกวาดคะแนนเสียงทุกหย่อมหญ้า รอเลือกตั้งใหม่ปีหน้า

แต่ปัญหาก็คือยังไม่มีใครเห็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่ามีอะไรอยู่ในมือ

งานนี้รัฐบาลต่อยทำแต้มฝ่ายเดียว แต่เสียวจะโดนหมัดบวกตอนปลายยก จนถูกน็อก!!!