posttoday

มาร์คหายใจทั่วท้อง เสื้อแดงรอขย้ำ

01 ธันวาคม 2553

การเมืองไทยเหมือนจะโล่งไปอีกเปลาะหลังพรรคประชาธิปัตย์เฮโล ชนะคดี “เงินกองทุน 29 ล้าน”

การเมืองไทยเหมือนจะโล่งไปอีกเปลาะหลังพรรคประชาธิปัตย์เฮโล ชนะคดี “เงินกองทุน 29 ล้าน”

โดย...ทีมข่าวการเมือง

มาร์คหายใจทั่วท้อง เสื้อแดงรอขย้ำ

การเมืองไทยเหมือนจะโล่งไปอีกเปลาะหลังพรรคประชาธิปัตย์เฮโล ชนะคดี “เงินกองทุน 29 ล้าน”

แต่คดี “เงินบริจาค 258 ล้าน” เหลืออีกคดีที่ยังไม่ได้ตัดสิน เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะอาจลงเอยแบบเดิม “ชนะฟาวล์” จากปัญหาเงื่อนเวลาในการยื่นฟ้องที่อาจเลยตามกฎหมายกำหนด

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์หายใจทั่วท้อง ได้บริหารประเทศต่อไป ไม่ต้องเว้นวรรคการเมือง 5 ปี

ใครหลายคนได้เห็นสีหน้านายกฯ อภิสิทธิ์ หลังทราบผลยกคำร้อง สะท้อนภาพว่าเจ้าตัวเครียดแค่ไหน ไม่ต่างจากบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ยอมรับนั่งลุ้นฟังคำตัดสินด้วยใจระทึก

หลังจากนี้พรรคประชาธิปัตย์เบาใจไม่มีมีดอีโต้ด้ามใหญ่ปักกลางหลัง จนทำให้อภิสิทธิ์และแกนนำพรรคเป็นกังวลว่า ถ้ามีการยุบพรรคจะกระทบต่อ การคงอำนาจรัฐของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้พรรคอ่อนแอลงและฝั่งตรงข้ามแข็งแกร่งขึ้น

สำหรับอภิสิทธิ์แม้จะเดินหน้าบริหารประเทศ ไม่มีเงื่อนไขคดียุบพรรคมารบกวน แต่ใช่ว่าจะราบรื่น เพราะยังต้องเผชิญกับ “แรงต้าน” นอกสภาจากความไม่พอใจของมวลชนเสื้อแดงที่ได้แรงขับจากประเด็นสองมาตรฐานมาช่วย

ภาพที่เห็นพรรคประชาธิปัตย์โล่งใจ แต่ลึกๆ แล้วผลแห่งคดีนี้ทำให้การต่อสู้ของมวลชนเสื้อแดงที่ชูอุดมการณ์สองมาตรฐานได้แรงส่งจาก “ผลคดี” ปั่นกระแสสองมาตรฐานง่ายขึ้น ในแง่ความแตกแยกในสังคมจึงดำรงอยู่ ยังไม่เห็นโอกาสที่สองขั้วการเมืองจะปรองดองกันได้ในระยะใกล้นี้

ประเทศไทยยังร้าวลึกไปด้วยความแตกแยก

ที่สำคัญเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปี 1 เดือน สภาจะครบวาระ 4 ปี ต้องมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ จากนี้จึงนับถอยหลังก่อนล้างกระดาน วัดคะแนนเสียงของทุกพรรคและฟอร์มรัฐบาลกันใหม่

นักการเมืองผู้มีอำนาจจึงมุ่งไปสู่การแข่งขันช่วงชิงอำนาจ

การเลือกตั้งครั้งหน้านับว่ามีความสำคัญมาก เชื่อว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่เข้มข้น สู้กันสุดฤทธิ์และรุนแรงอีกครั้ง เพราะเป็นการชี้ชะตาทั้งสองฝ่าย ถ้าพรรคเพื่อไทยพลาดท่าไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาล โอกาสที่ทักษิณจะกลับเข้าประเทศก็แทบปิดประตูสนิท ขณะเดียวกันยังชี้ถึงอนาคตของเสื้อแดงรวมถึงแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่าจะถูกขังลืมหรือไม่

แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งและกลับมาเป็นรัฐบาลและเดินเกมเพื่อนิรโทษกรรมทักษิณ ก็จะเกิดแรงต้านจากขั้วอภิชนและกองทัพเงื่อนไขการรัฐประหารในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. จึงยังไม่หมดง่ายๆ

การเมืองปีหน้าทุกพรรคจึงมุ่งไปสู่การเร่งหาคะแนนนิยม เพื่อช่วงชิงมวลชนกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าเกษตรกร แรงงาน ลูกจ้าง ข้าราชการ นักศึกษา คนชั้นกลาง ครู

พรรคประชาธิปัตย์ที่แกนนำ นปช. ระบุว่า เป็นพรรคการเมืองที่คนชั้นนำ กลุ่มจารีต ต้องใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกันผลประโยชน์ของฝ่ายอนุรักษนิยมต่อไป จึงไม่แปลกใจที่ไม่ถูกยุบ เพราะต้องถูกใช้เป็นปราการป้องกันไม่ให้คนเสื้อแดงลุกขึ้นปฏิวัติประเทศไทยสร้างรัฐไทยใหม่ เขียนรัฐธรรมนูญสีแดง สร้างความเป็นธรรมทางชนชั้น ขจัดกลุ่มจารีตไม่ให้มีอำนาจทางการเมือง

วาระข้างหน้า อภิสิทธิ์ จะมุ่งสร้างผลงานซื้อใจประชาชน เด็ดนโยบาย สวัสดิการด้านต่างๆ ขึ้น เช่น เพิ่มค่าแรง เร่งออกกฎหมายกองทุนเงินออมแห่งชาติ สร้างระบบบำนาญให้คนชรา มุ่งไปสู่การสร้างรัฐสวัสดิการเอาใจทุกกลุ่ม เพราะเป็นผลงานที่พรรคประชาธิปัตย์หวังใช้หาเสียงชิ้นโบแดง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองยังไม่ราบรื่นเพราะปมความขัดแย้งยังมีหลายลูก ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากพวงใหญ่เป็นเขตเดียวคนเดียว ซึ่งจะเป็นตัวแปรชี้ได้ว่าในระบบเลือกตั้งแบบใหม่ พรรคใดจะได้เปรียบเสียเปรียบ ตามขั้นตอนแล้วภายในเดือน ก.พ. น่าจะรู้ผลว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านวาระสามโดยสมบูรณ์หรือไม่

อีกเรื่องที่จะเป็นเงื่อนไขเร่งอุณหภูมิการเมืองให้เดือดขึ้น คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นก่อนปิดสมัยประชุมเดือน พ.ค.ปีหน้า แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยจะเน้นพฤติกรรมคอร์รัปชันของรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่จะถูกซักฟอกหนัก รวมถึงการทำลายความชอบธรรมในการบริหารประเทศของอภิสิทธิ์ให้หนักก่อนยุบสภา

“หลุมดำ” ของรัฐบาล คือ เดือน เม.ย. และ พ.ค.ปีหน้า ครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์ “พฤษภาอำมหิต” ที่เชื่อว่าแกนนำเสื้อแดงต้องจัดกิจกรรมรำลึกทั่วประเทศไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต และประฌามระบบสองมาตรฐานที่เป็นเชื้อข้ามปี

เป็นช่วงจังหวะเดียวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรียกได้ว่าการเมืองในสภาและนอกสภาจะหนักหน่วง เชื่อว่าจะสร้างความหนักใจให้กับอภิสิทธิ์ที่ประกาศว่า จะยุบสภาช่วงต้นปีหน้าเพื่อหนีเดือน “เม.ย.พ.ค.”

นักวิเคราะห์ประเมินว่า จากเงื่อนไขความเสี่ยง ความแตกแยกเหล่านี้ อภิสิทธิ์จะไม่มีทางยุบสภาต้นปีหน้าแน่ เพราะเป็นช่วงนาทีทองของ “เสื้อแดง” ในวาระครบ 1 ปี ในการโหมกระแสสองมาตรฐาน ผู้นำเปื้อนเลือด หากยุบสภาโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมามีอำนาจอีกครั้งคงยาก อภิสิทธิ์จึงน่าลากยาวไปถึงเดือน ต.ค.ปีหน้า เพื่อจัดงบประมาณใหม่และวางตัวบิ๊กข้าราชการในการโยกย้ายล็อตใหญ่อีกครั้ง

แต่ทั้งหลายเชื่อว่าการต่อสู้ของเสื้อแดงจะอยู่ในกรอบกฎหมาย กลับมายึดแนวสันติเพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขของฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลมาทำลายความชอบธรรมของเสื้อแดงในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

การปรับเปลี่ยนหัวขบวนเสื้อแดงจาก “วีระ มุสิกพงศ์” เป็น “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” ภรรยานพ.เหวง โตจิราการ กุนซือสายพิราบตัวจริง ก็เป็นสัญญาณเพื่อจัดระบบองค์กรเสื้อแดงที่ใหญ่โตหลายกลุ่มไม่ให้ลงดิน เพราะปีหน้าเสื้อแดงจะกลับมาเข้มแข็งอย่างเป็นระบบ สกัดเนื้อร้ายที่ใช้ความรุนแรงทิ้ง