posttoday

เศรษฐกิจโดนสองเด้ง เติบโตแบบแคระแกร็น

24 พฤศจิกายน 2553

ผลพวงจากอุทกภัยทำให้เศรษฐกิจชะลอลงไปอย่างน้อย 0.3%

ผลพวงจากอุทกภัยทำให้เศรษฐกิจชะลอลงไปอย่างน้อย 0.3%

โดย...ทีมข่าวการเงิน

 

เศรษฐกิจโดนสองเด้ง เติบโตแบบแคระแกร็น

ผลพวงจากอุทกภัยทำให้เศรษฐกิจชะลอลงไปอย่างน้อย 0.3%

แม้ตัวเลขจะดูไม่มาก แต่เมื่อบวกลบคูณหารเทียบมูลค่าจีดีพีประเทศ 10 ล้านล้านบาทแล้ว 0.3% ก็เท่ากับ 3 หมื่นล้านบาท

เมื่อรวมกับแรงสั่นสะท้านจากเหตุการณ์เผาเมือง เมื่อเดือน พ.ค. 2553 น่าจะทำให้มูลค่าเศรษฐกิจไทยเสียหายไปรวมๆ ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท

การประกาศตัวเลขอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2553 ของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ประเมินว่าปีนี้ไทยจะโต 7.9%

ถือเป็นตัวเลขที่มองในแง่บวกมากที่สุดแล้ว สำหรับหน่วยงานประเมินตัวเลขเศรษฐกิจในแบบ “อนุรักษนิยม” อย่าง สศช.

เมื่อตลอดทั้งปี สศช.เล่นเกมตัวเลขแบบ “เพลย์เซฟ” รักษาเนื้อรักษาตัวมาตลอด ก่อนจะปล่อยของออกมาช่วงโค้งสุดท้าย

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2553 สศช.ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ในช่วง 77.5% ก่อนล่าสุดจะปรับขึ้นเป็น 7.9% ใกล้เคียงกับหน่วยงานทางเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ส่วนการประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2554 สศช.คาดว่าจะขยายตัว 3.5–4.5% ถือว่าหดตัวแบบครึ่งต่อครึ่ง

ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า สศช.มองว่าคือ “การบริโภคในประเทศ” ที่จะพลิกกลับมาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันแทนภาคการส่งออกที่เริ่มจะเจอตอค่าเงินบาทแข็ง

 

โดยเฉพาะแรงหนุนจากการ ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงเงินเดือนพนักงานเอกชน

นอกจากนั้นรายได้เกษตรกรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากระดับราคาสินค้าเกษตรหลักๆ ทั้งราคา ยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย รวมทั้งเงินจากการประกันรายได้เกษตรกร

ส่วนการปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณปี 2554 ที่ขยายตัว 21.8% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2553 จะทำให้การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูงขึ้น

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไป โดยเฉพาะในครึ่งแรกของปี 2554 ตรงนี้จะช่วยเรื่องกำลังซื้อสินค้าดาวน์น้อยผ่อนนาน อย่างบ้าน และคอนโดมิเนียม

รวมถึงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็จะเป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มได้รับอานิสงส์จากสถานะดอกเบี้ยที่ต่ำ

เศรษฐกิจโดนสองเด้ง เติบโตแบบแคระแกร็น

ขณะเดียวกัน เหรียญมีสองด้าน เศรษฐกิจไทยไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ปัจจัยเสี่ยงและข้อจำกัดของประเทศก็คือ สถานการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งของคนในสังคม

แม้ว่าจะมีความสงบมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ถือว่ายังไม่มั่นคง ส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ชะลอของการลงทุนในประเทศไทย และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาในด้านอื่นๆ

ระเบิดเวลาที่ยังซุกซ่อนอยู่ในวงจรการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เป็นปัญหาการเมืองท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง โดยเฉพาะการฟื้นตัวของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำ

ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน เนื่องจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น เป็นประเทศคู่ค้าหลักของทั้งสองประเทศ

ส่วนสถานการณ์การผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกรที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจาก ความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยในปลายปี 2553 ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2554

การแข็งค่าของค่าเงินบาทและเมื่อเทียบกับการอ่อนตัวของค่าเงินด่องของเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งสำคัญในด้าน การส่งออกข้าว

การไหลเข้าและออกของเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งเกิดจากการที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศหลักชะลอตัวทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินมาสู่ประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีผลทำให้ค่าเงินของภูมิภาคนี้ รวมถึงค่าเงินบาทของไทยได้แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความได้เปรียบในการแข่งขันด้านการส่งออกลดลง

รวมทั้งการเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทุน และตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลให้ ระดับราคาสินทรัพย์ (Asset Price) สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์

เห็นได้จากในไตรมาส 3 ปี 2553 ราคาบ้านเดี่ยวปรับเพิ่มขึ้น 2.5% เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 ไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2550

เมื่อมองไปข้างหน้าจะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยโดนสองเด้งมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือ ภาวะช้ำในและภาวะข้างนอกแทรกซ้อน

ทำให้การเติบโตเป็นไปอย่างแคระแกร็น แม้ตัวเลขดัชนีจะดูดีขยายตัว 78% แต่ก็เต็มไปด้วยความหวาดระแวงเรื่องของการเก็งกำไรและต้องแลกมาด้วยความสูญเสียชีวิตทรัพย์สิน

หากเส้นทางการเติบโตของประเทศเป็นไปอย่างราบเรียบ จีดีพีของไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ถึง 10% อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เมื่อไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะมีเงาทะมึนของความริษยาระหว่างคนไทยและนักการเมืองไทยด้วยกัน ก็ต้องทำใจว่า 7.9% ก็ดีถมไปแล้ว

 

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"