posttoday

เพื่อไทยจบศึกใน พร้อมสู้ศึกนอก

22 ตุลาคม 2561

สถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยเริ่มลงตัวทั้งเชิงโครงสร้างและตัวบุคคล เหลืออยู่ก็เพียงศึกนอกที่ต้องเผชิญ

สถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยเริ่มลงตัวทั้งเชิงโครงสร้างและตัวบุคคล เหลืออยู่ก็เพียงศึกนอกที่ต้องเผชิญ

***********************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

“ผมคิดว่าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยรวมกันจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนมากกว่า 300 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง นี่คือเวลาที่ประชาชนจะหย่อนบัตรเลือกตั้งเพื่อขับไล่เผด็จการออกจากประเทศไทย”

เป็นคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น ที่ฮ่องกง ซึ่งได้มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา

คำพูดของทักษิณที่ปรากฏออกมาแน่นอนว่าต้องมีนัยทางการเมือง ดังจะเห็นได้จากการที่พูดว่าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ซึ่งตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องการจะสื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาได้รับชัยชนะในสนามเลือกตั้งอีกครั้ง

หนึ่งในปัจจัยที่อาจทำให้ทักษิณคิดว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้กลับมาเป็นเสียงข้างมากอีกครั้ง คือ การจัดการแก้ไขปัญหาภายในพรรคเพื่อไทย

เดิมทีหลายเดือนก่อนหน้านี้ในพรรคเพื่อไทยมีความไม่ลงรอยกันพอสมควร โดยเฉพาะการสรรหาตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นรายชื่อที่ถูกหยิบขึ้นมาเป็นนายหญิงของพรรคมาตลอด แต่ดูเหมือนว่าจะมี สส.หลายคนที่ไม่เห็นด้วย เพราะฐานของคุณหญิงสุดารัตน์กระจุกอยู่ใน กทม.เป็นหลัก จึงไม่มั่นใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะดูแล สส.ภาคอื่นหรือไม่

แต่เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ได้รับแรงสนับสนุนจากบ้านใหญ่ “ชินวัตร” ก็เป็นอันว่าคลื่นใต้น้ำในพรรคเพื่อไทยเริ่มเบาบางลง

บทสรุปของการประชุมพรรคในวันที่ 28 ต.ค. โครงสร้างบริหารน่าจะเป็นไปในลักษณะให้ “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” เป็นหัวหน้าพรรค ส่วน “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นเลขาธิการพรรคตามเดิม

ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ จะเป็นชื่อแรกในบัญชีรายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีที่ต้องเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันสมัครเลือกตั้ง

การดันคุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้นำพรรคในครั้งนี้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยต้องการให้เกิดความชัดเจนในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อรักษาฐานเสียงของพรรค

ต้องไม่ลืมว่าคุณหญิงสุดารัตน์เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ร่วมหัวจมท้ายกับพรรคมาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นพรรคไทยรักไทย ความเคี่ยวกรำทางการเมืองถือได้ว่ามีอยู่พอตัว มิเช่นนั้นที่ผ่านมาคงไม่เป็นรัฐมนตรีว่าการหลายกระทรวง

นอกจากนี้ หากระหว่างการหาเสียงมีใบหน้าของคุณหญิงสุดารัตน์ติดอยู่ก็น่าจะทำให้พออุ่นใจแก่บรรดาสมาชิกในการลงพื้นที่ได้ว่าชินวัตรยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย

ไม่ใช่แต่เรื่องของหัวหน้าพรรคเท่านั้นที่ทำให้พรรคเพื่อไทยเริ่มลงตัว แต่ปัญหาพรรคสาขาของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มจะเรียบร้อยเช่นกัน

เดิมทีพรรคเพื่อไทยถูกมองว่ามีพรรคสาขาอยู่สองพรรค ได้แก่ พรรคเพื่อธรรม และ พรรคเพื่อชาติ

กรณีของพรรคเพื่อธรรมดูจะแนบแน่นกับพรรคเพื่อไทยอยู่สมควร เนื่องจาก “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรค ก็เคยเป็นหนึ่งในแกนนำของพรรคเพื่อไทยมาก่อน ส่วนพรรคเพื่อชาติดูเหมือนว่าถึงจะมีจุดเชื่อมถึงพรรคเพื่อไทยอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีเท่าใดนัก

พรรคเพื่อชาติก่อตั้งโดยอาศัยฐานของมวลชนเสื้อแดงเป็นหลัก ซึ่งในช่วงหลังมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยไม่ค่อยจะดีต่อกันมากนัก เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้เสื้อแดงเข้ามาภายในพรรค เพื่อไม่ต้องการให้พรรคตกเป็นเป้าทางการเมือง

ด้วยเหตุนี้บรรดาแกนนำเสื้อแดงบางคนที่เริ่มจะไม่มีที่ลงในพรรคจึงเลือกที่จะออกมาตั้งพรรคเองเพื่อลงสนามเลือกตั้งในอนาคต

สำหรับพรรคเพื่อธรรมเดิมทีมีวัตถุประสงค์อยากให้เป็นพรรคการเมืองที่คอยเก็บคะแนน สส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้เกมระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองได้ สส.มากเกินไป

แต่ทำไปทำมาเริ่มประเมินกันว่าการแยกร่วมกันชนะอาจจะไม่ได้ผลในการเลือกตั้ง แทนที่จะได้คะแนนเสียงอย่างเป็นกอบเป็นกำ อาจจะกลายเป็นการตัดคะแนนกันเอง จนเสียท่าให้กับคู่แข่ง

ทางที่ดีจึงกลับไปใช้แนวทางที่ตัวเองถนัด คือ การเก็บแต้ม สส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด

กล่าวคือถึงอย่างไรเสียเชื่อว่าถ้าตัวเองได้ สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 200 เสียงขึ้นไปเหมือนกับที่เคยทำได้เมื่อการเลือกตั้ง 2554 ที่ได้ สส.เขตมาถึง 204 คน ย่อมมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน และนั้นพรรคการเมืองอื่นๆ ต้องเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย

ส่วนพรรคเพื่อธรรมอาจจะส่ง สส.ลงเฉพาะบางเขตเลือกตั้งเพื่อให้เป็นตามกฎหมายเลือกตั้ง สส.และพรรคการเมืองเท่านั้น เพราะหากพรรคเพื่อธรรมทำแต่กิจกรรมอย่างอื่น โดยที่ไม่ส่ง สส.ลงสมัครรับเลือกตั้งอาจสิ้นสภาพความเป็นพรรคในอนาคต นอกจากนี้ยังมีภารกิจในการเป็นพรรคสำรอง หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบแบบคาดไม่ถึงขึ้นมา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยเริ่มจะลงตัวเป็นระยะ ทั้งในเชิงโครงสร้างและตัวบุคคล หากจะบอกว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งและท้าชิงเก้าอี้นายกฯ กับพรรคพลังประชารัฐก็คงจะไม่ผิดนัก

เหลือแต่เพียงยุบพรรคเท่านั้น ที่พรรคเพื่อไทยยังต้องลุ้นไปตลอดว่าหวยนี้จะออกมาที่พรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่