posttoday

ปั่นป่วนวุ่นวาย ปัจจัยเดียวล้มเลือกตั้ง

20 สิงหาคม 2561

เงื่อนไขเรื่องความปั่นป่วนวุ่นวายที่จะเป็นชนวนไปถึงขั้นเกิดความรุนแรงอาจเป็นเหตุผลที่เหลืออยู่เพียงเหตุผลเดียวที่มีน้ำหนักเพียงพอถึงขั้นทำให้เลื่อนการเลือกตั้ง

เงื่อนไขเรื่องความปั่นป่วนวุ่นวายที่จะเป็นชนวนไปถึงขั้นเกิดความรุนแรงอาจเป็นเหตุผลที่เหลืออยู่เพียงเหตุผลเดียวที่มีน้ำหนักเพียงพอถึงขั้นทำให้เลื่อนการเลือกตั้ง

***********************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์​

ไม่แปลกที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาแสดงความคิดความเห็นไม่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2562 พร้อมระบุว่าปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวที่ดำเนินอยู่ขณะนี้เป็นเพียงแค่​ “เผาหลอก” เท่านั้น

“เราเช็กดูรู้ว่าพรรคการเมืองเขาเตรียมการหรือกำหนดการเลือกตั้งจริงหรือเปล่า คือที่เดินอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เผาหลอกกันทั้งนั้น เพราะว่าในแวดวงการเมืองมันไม่ได้มีความลับอะไร แต่ละพรรคการเมืองไม่มีใครขยับจริง” จตุพร กล่าว​

ในเมื่อเสียงสะท้อนจากบรรดาคนการเมืองหลายๆ คนยังไม่มีใครปักใจเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2562 อย่างที่คนในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกมายืนยันว่าทุกอย่างจะเดินหน้าไปตามโรดแมป

ประเมินจากสัญญาณก่อนหน้านี้หลายคนเชื่อว่าหากฝั่ง คสช.ยังไม่มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งก็คงยากจะเกิดขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นเมื่อเลือกตั้งแล้วขั้วอำนาจเก่ากลับมามีอำนาจเหมือนที่ผ่านมา นอกจากจะทำให้สิ่งที่ คสช.ทำมาตลอด 4 ปี ต้องสูญเปล่าแล้วยังอาจเกิดปรากฏการณ์ไล่เช็กบิลภายหลังด้วย

แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วความพยายามต่างๆ ทั้งการเร่งสร้างฐานเสียงในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยการ “ดูด” ซึ่งขยายวงกว้างและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการดำเนินการของ “กลุ่มสามมิตร” ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเอาเปรียบคู่แข่งคนอื่นๆ ที่ยังถูกล็อกจากคำสั่ง คสช.ไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว

อีกด้านหนึ่งที่ผ่านรัฐบาล คสช.เร่งสร้างผลงานผ่านโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการอัดฉีดเม็ดเงินลงพื้นที่หลายระลอก เจาะจงช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ซึ่งถือเป็นฐานเสียงส่วนใหญ่ของคนในประเทศอันจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงเลือกตั้งในอนาคต

โค้งสุดท้ายยังเห็นการตระเวนเดินสายลงพื้นที่จัด ครม.สัญจร ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง เจาะพื้นที่ของกลุ่มการเมืองพรรคต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมอนุมัติหลักการเห็นชอบตามความต้องการของคนในพื้นที่ที่ชงเรื่องขึ้นมาถึงรัฐบาลได้โดยตรง

แต่ว่าทั้งหมดยังไม่เพียงพอที่จะดึงคะแนนเสียงให้กับพรรคของ คสช. จนจะสามารถชนะการเลือกตั้ง หรือมีคะแนนเสียงเพียงพอจะใช้กลไกตัวช่วยอย่าง 250 สว.เฉพาะกาลเข้ามาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี

​ทำให้สัญญาณเลือกตั้งยังไม่มีความชัดเจนหรือทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นแน่นอน ​

ยิ่งหากย้อนกลับไปดูท่าทีกลับไปกลับมาจากคนใน คสช.และแม่น้ำ 5 สาย ตลอดจนพฤติกรรมที่ผ่านมาจนมีผลให้กำหนดการเลือกตั้งต้องขยับออกไปหลายรอบแล้ว ล้วนแต่ทำให้ปักใจเชื่อได้ยากว่าจะไม่มีการบิดพลิ้วหรือมีความพยายามยื้อการเลือกตั้งออกไปเหมือนที่ผ่านมาอีก

ทั้งที่ในแง่ความเป็นไปได้​แล้ว “ปัจจัย” ที่จะมีน้ำหนักเพียงพอถึงขั้นจะทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั้น แทบจะไม่เหลือให้หยิบยกมาอ้างได้แล้ว แต่หากจะเลื่อนจริงก็สามารถไปหาเหตุผลมาอธิบายได้อยู่ดี

ล่าสุด “เงื่อนไข” ที่หลายคนเป็นห่วงกันว่าจะถูกหยิบยกมาเป็นเหตุผลขอเลื่อนการเลือกตั้งออกไป อย่างการเข้าชื่อของสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) เพื่อเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ถูกถอนออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากเดิมที่ สนช.จำนวนหนึ่งพยายามเข้าไปล้มกระบวนการสรรหา “ผู้ตรวจการเลือกตั้ง” ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างที่ กกต.ชุดก่อนหน้านี้ ได้เริ่มต้นกระบวนการไปเป็นที่เรียบร้อยและมีผู้เห็นว่าจากรายชื่อที่ปรากฏนั้นดูจะไม่เข้าตาและอาจมีปัญหาต่อไปในอนาคต

ระหว่างที่กำลังเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ไปจนถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของการออกมาเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายจะหาเหตุให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปหรือไม่ สุดท้าย สนช.กลุ่มนี้ก็ได้ขอถอนร่างออกไป หลังจากมีการโปรดเกล้าฯ ตั่งแต่ กกต. 5 คน ใหม่เป็นที่เรียบร้อย

ที่สำคัญการเริ่มต้นเข้ามาทำหน้าที่ของ กกต.ใหม่ทั้ง 5 คนนั้นยังเป็นการตัดตอนปัญหาอื่นๆ ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงออกไปโดยเฉพาะในแง่การปฏิบัติงานช่วงรอยต่อของ กกต.ชุดเก่าและชุดใหม่ อันอาจเป็นเหตุให้ถูกหยิบยกไปเป็นเหตุผลสำหรับการเลื่อนเลือกตั้ง

แต่เมื่อทั้งสองปมปัญหาถูกปลดสลักเรียบร้อย เหตุผลที่จะทำให้เลื่อนเลือกตั้งจึงแทบไม่เหลือให้หยิบยกมาอ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสียทีเดียว โดยเฉพาะกับปัจจัยเรื่องความปั่นป่วนวุ่นวายที่ถูกพูดถึงมาตลอด

สัญญาณล่าสุดจาก พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โชา นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า “ปีหน้าก็ต้องเลือกอย่างไรก็ต้องเลือก เว้นแต่มันจะตีกันจนเลือกไม่ได้ หรือจะตีกันแล้วก็เลือกตั้งกันไป เลือกก็เลือกสิ คราวก่อนก็ตีกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ตนก็หวังว่ามันจะไม่มีเกิดขึ้นอีก เพราะไม่ได้อยากจะให้เลือกตั้งถ้ายังตีกัน แต่ถ้าอยากจะเลือกก็เลือกกันไป”

เงื่อนไขเรื่องความปั่นป่วนวุ่นวายที่จะเป็นชนวนไปถึงขั้นเกิดความรุนแรงจึงอาจจะเป็นเหตุผลที่เหลืออยู่เพียงเหตุผลเดียวที่มีน้ำหนักเพียงพอถึงขั้นทำให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะความวุ่นวายดังกล่าวจะต้องส่อเค้ารุนแรง ไม่ใช่แค่การด่าพอ โต้เถียงกันไปมา ซึ่งถือเป็นปกติที่ในสังคมย่อมจะมีความเห็นต่างกันได้

ทั้งหมดจึงต้องจับตาดูว่าจากนี้ต่อไปจะมีเหตุปัจจัยอะไรเกิดขึ้นจนจะเป็นเหตุให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปหรือไม่