posttoday

โค้งสุดท้าย โกยคะแนนรากหญ้า

02 สิงหาคม 2561

สารพัดนโยบายจากคสช.ที่ถูกคลอดออกมาในช่วงนี้กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเป้าหมายเพื่อโกยคะแนนนิยมจากกลุ่มรากหญ้าในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง

สารพัดนโยบายจากคสช.ที่ถูกคลอดออกมาในช่วงนี้กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเป้าหมายเพื่อโกยคะแนนนิยมจากกลุ่มรากหญ้าในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง

****************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนโยบาย ลด แลก แจก แถม จากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเร่งโกยคะแนนนิยมโดยเฉพาะจากกลุ่มคนรากหญ้าที่ถือเป็นฐานเสียงที่สำคัญในอนาคต

คู่ขนานไปกับการเร่งก่อร่างสร้างพรรคพลังประชารัฐ ผ่านกลไกสำคัญอย่างกลุ่มสามมิตรที่ตระเวนเดินสายพบปะอดีตนักการเมือง กลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อชักชวนให้มาร่วมสนับสนุนเป้าหมายผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยเพื่อสานต่อภารกิจปฏิรูปให้ลุล่วง

ท่ามกลางความคึกคักของบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ที่เริ่มออกมาขยับเตรียมลงสนามด้วยกฎกติกาใหม่ที่มีรายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่างต้องดำเนินการให้ถูกต้อง

ปัญหาอยู่ที่เวลานี้ซึ่งบรรดาพรรคการเมือง ตลอดจนกลุ่มการเมืองอื่นๆ ถูกแช่แข็งด้วยคำสั่งให้ คสช.ไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวกว่า 4 ปี จนไม่อาจประชุมวางตัวผู้สมัครหรือจัดทำนโยบายพรรค แต่ทางรัฐบาล คสช. หรือแม้แต่กลุ่มสามมิตรดูจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจนมีเสียงทักท้วงดังขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าในฐานะรัฐบาลปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องจัดทำนโยบายหรือโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือดูแลประชาชนกลุ่มต่างๆ ให้อยู่ดีกินดีมีความเป็นอยู่ที่ดี

แต่อีกด้านหนึ่งย่อมถูกมองว่าเป็นความตั้งใจที่จะเร่งสร้างคะแนนในช่วงใกล้เลือกตั้ง ซึ่งแทบจะถือเป็นสูตรสำเร็จของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยความมุ่งหวังว่าดอกผลดังกล่าวจะทำให้ได้รับคะแนนเสียงกลับมาเป็นรัฐบาลต่ออีกสมัย

แม้บางครั้งจะดูสวนทางกับแนวทางการบริหาร 2-3 ปีก่อนหน้านี้ที่มักจะหยิบยกปัญหาเรื่องงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดจนไม่อาจเข้าไปอุ้มหรือดูแลผู้เดือดร้อนที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ

ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการลดภาระหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อย ประกอบด้วย 2 โครงการ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและราคาสินค้าเกษตรต่างๆ

1.การขยายเวลาชำระหนี้ให้เกษตรกรรายย่อยที่เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 3.81 ล้านราย ที่ผ่านมามาตรการพักการชำระหนี้จะให้สำหรับลูกค้าที่มีต้นหนี้เหลือต่ำกว่า 3 แสนบาท แต่ครั้งนี้จะให้แก่เกษตรกรรายย่อยทุกคน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2561-31 ก.ค. 2564 ​โดยได้รับสิทธิในการขยายเวลาชำระต้นเงินกู้เป็นเวลา 3 ปี

2.โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรรายย่อย ซึ่งจะเป็นเกษตรกรที่ได้รับสิทธิลดดอกเบี้ยเฉพาะต้นเงินกู้ที่ไม่เกิน 3 แสนบาทเท่านั้น เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2561-31 ก.ค. 2562 โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกร 2.5% ต่อปี และ ธ.ก.ส.รับภาระแทน 0.5% ต่อปี​ โดยใช้งบประมาณ 13,582 ล้านบาท

นับเป็นอีกโครงการที่เกษตรกรทั่วประเทศ 3.81 ล้านรายจะได้ประโยชน์ อย่างน้อยแม้รัฐบาลจะไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือด้านต้นทุนการผลิตให้ลดลง หรือทำให้ราคาขายสินค้าการเกษตรขยับตัวสูงขึ้น แต่อย่างน้อยการพักหนี้เกษตรกรก็พอจะช่วยทุเลาความเดือดร้อนลงไปได้ไม่มากก็น้อย

แต่ด้วยสถานการณ์มรสุมที่รุมเร้ารอบด้านจนคะแนนนิยมของรัฐบาล คสช.ลดน้อยลง การเร่งสร้างผลงานถือเป็นอีกภารกิจเร่งด่วน ที่จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับมาอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น หากยังหวังจะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้จึงเห็นการเร่งเครื่องสร้างผลงานลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร ทั้งเมืองหลักเมืองรองทั่วประเทศ เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินผ่านโครงการต่างๆ แบบรวดเร็วทันใจและเห็นผลจับต้องได้

สอดประสานไปกับการเดินหน้าโครงการประชารัฐ ที่กำลังขับเคลื่อนกลไกการทำงานในพื้นที่ต่างๆ เจาะเป้าหมายไปยังผู้มีรายได้น้อย

ล่าสุด​ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดโครงการใช้จ่ายเงินซื้อของผ่านแอพถุงเงินประชารัฐ เอื้อคนมีรายได้น้อยใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อของได้ง่ายขึ้น จากจำนวนผู้ใช้ 11.43 ล้านคน แก้ไขปัญหาจุดอ่อนเดิมด้วยการเพิ่มทางเลือกร้านค้าที่ตั้งเป้าไว้อีก 1-2 แสนราย

ในวันที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที การเร่งสร้างผลงานซื้อใจรากหญ้าย่อมจะมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องนับจากนี้ต่อไป