ช่วงประมูลราคา 'สามมิตร'เขย่าตลาด สส.
“สามมิตร” กลายเป็นกลุ่มการเมืองที่ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนก็ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
“สามมิตร” กลายเป็นกลุ่มการเมืองที่ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนก็ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด สวนทางกับพรรคการเมืองที่เวลานี้ยังติดล็อกการเมือง ไม่สามารถทำกิจกรรมการเมืองใดๆ ได้ทั้งสิ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่าสามมิตรประกอบด้วยบิ๊กการเมืองชื่อดังทั้งสิ้น “สมศักดิ์ เทพสุทิน” อดีตแกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย โดยมีข้อต่อสำคัญที่ถูกมองว่าเชื่อมถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี
แบ็กกราวด์ทางการเมืองของทั้ง 3 คน ล้วนมาจากพรรคไทยรักไทย เมื่อครั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นหัวหน้าพรรคในฐานะผู้ทรงอิทธิพลการเมืองสูงสุดเวลานั้น จึงไม่แปลกที่จะรู้ว่าหากต้องการจะมีชัยในสนามเลือกตั้งและสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็งแล้วจะต้องทำอย่างไร ซึ่งเวลานี้สามมิตรก็พยายามนำแนวทางของทักษิณมาต่อยอดอย่างมีนัยสำคัญ
ในอดีต “ทักษิณ” สร้างฐานทางการเมืองด้วยการควบรวมพรรค เพราะพื้นฐานของทักษิณมาจากพรรคพลังธรรม ซึ่งไม่มีฐานคะแนนเสียง สส.ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือเท่าใดนัก จึงเป็นที่มาของการนำพรรคเสรีธรรม พรรคความหวังใหม่ และพรรคชาติพัฒนา มาอยู่ใต้ร่มเงาของพรรคไทยรักไทย
ความใหญ่ของพรรคไทยรักไทย ทำให้มีกรรมการบริหารมากกว่า 100 คน แม้ภายในจะแบ่งเป็น “วัง” และมีหัวหน้าวังคอยดูแล สส. แต่ทุกวังดังกล่าวต่างล้วนขึ้นตรงกับ “ทักษิณ”
สามมิตรก็เดินตามรอยเท้าแทบจะเหมือนทุกก้าว ดังจะเห็นได้ว่าเวลานี้กำลังทาบทามอดีต สส. กลุ่มการเมือง เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มสามมิตร โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่กลุ่มอดีต สส.ภาคอีสานและภาคเหนือของพรรคเพื่อไทย
ถึงการเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มว่าเขตเลือกตั้งจะลดลง ซึ่งหมายถึงจำนวน สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งย่อมจะน้อยลงไปด้วย แต่ถึงอย่างไรเสียจำนวน สส.ภาคเหนือและอีสานยังเป็นฐานสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาลอยู่วันยังค่ำ เรียกได้ว่าพรรคใดมีส่วนแบ่ง สส.อีสานและเหนือมากที่สุด พรรคนั้นย่อมมีโอกาสเป็นรัฐบาลมากกว่าพรรคการเมืองอื่น
หากจะบอกว่าทักษิณดูดยกพรรค กลุ่มสามมิตรก็ดูดยกกลุ่ม
ส่วนนโยบายทางการเมือง กลุ่มสามมิตรแทบจะลอก “ประชานิยม” ของทักษิณมาเกือบหมด เช่น นโยบายโค 1 ล้านตัว และผลักดันราคาข้าวนาปรังที่ราคาไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท เน้นซื้อใจประชาชนรากหญ้าเป็นหลัก เพื่อให้ตัวเองเป็นรัฐบาล
แต่อย่างไรก็ดี ยังมีคำถามว่าความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรเวลานี้เป็นของจริงหรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่มสามมิตรเดินเกมการเมืองได้สะดวกกว่าพรรคการเมืองใดนั้น เป็นเพราะ คสช.ไม่ได้ออกมาห้ามอย่างชัดเจนมากนัก มีแต่เพียงการพูดในทำนองว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง เวลากลุ่มสามมิตรไปที่ไหน บรรดานักเลือกตั้งทั้งหลายก็ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธเท่าใดนัก เพราะการปฏิเสธกลุ่มสามมิตร ด้านหนึ่งอาจหมายถึงการปิดประตูใส่หน้า คสช.เช่นกัน
ในมุมของนักเลือกตั้งเวลานี้ ย่อมรู้ดีว่าการออกตัวแรงเลือกข้างใดข้างหนึ่งอย่างชัดเจนย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเองแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดากลุ่มอดีต สส.พรรคเพื่อไทย
ผลโพลหรือผลสำรวจคะแนนความนิยมทางการเมืองที่ออกมา แม้กระแสจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในมุมหนึ่ง “พรรคเพื่อไทย” ก็อยู่ในลำดับบนๆ ของพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
แสดงให้เห็นว่าท่ามกลางการคุมอำนาจเบ็ดเสร็จของ คสช. ปรากฏว่าไม่สามารถทำให้พรรคเพื่อไทยและทักษิณลดอิทธิพลที่มีต่อการเมืองไทยได้เท่าใด
เมื่อกระแสของพรรคเพื่อไทยยังดีอยู่ ส่งผลให้นักเลือกตั้งเกรดเอของพรรคเพื่อไทยเกิดอาการลังเลไม่น้อย เพราะการทิ้งทักษิณย่อมไม่ต่างอะไรกับการเอาตัวเองไปถูกประหารในสนามเลือกตั้ง แต่ครั้นจะไม่ทอดไมตรีกับสามมิตรเอาไว้บ้าง ก็ดูเหมือนจะเปิดหน้าท้ารบกับ คสช.เกินไป ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเหยียบเรือสองแคมของนักเลือกตั้ง
ตรงนี้เองอาจเป็นจุดเสียเปรียบของกลุ่มสามมิตรก็ว่าได้ เพราะนักเลือกตั้งเองก็ไม่ต้องการจะแพ้ในการเลือกตั้ง ทำให้ยังไม่อาจเทใจมาให้กับกลุ่มสามมิตรอย่างเต็มร้อย
ยิ่งไปกว่านั้น จังหวะและเวลาของการย้ายพรรคในเวลานี้ยังไม่ลงล็อกมากนัก เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้สมัคร สส.ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองติดต่อกัน 90 วันจนถึงวันเลือกตั้ง แต่ขณะนี้การเลือกตั้งยังไม่มีการกำหนดวันชัดเจน เท่ากับว่าการแสดงพลังดูดช่วงนี้อาจจะยังไม่ใช่ของจริง ต้องรอให้เกิดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เวลานั้นตลาดการโยกย้าย สส.น่าจะคึกคักมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงพรรคเพื่อไทยจะมีอิทธิพลอยู่ในระดับหนึ่ง แต่กลุ่มสามมิตรได้ก้าวเข้าสู่การเป็นหนึ่งในกลุ่มการเมืองที่กำลังมีราคาทางการเมือง เพราะมีผู้ให้การสนับสนุนในหลายๆ ด้าน ซึ่งสร้างแรงดึงดูดให้กับนักเลือกตั้งที่มีความกล้าพอจะทิ้งพรรคเพื่อไทย
เมื่อกลุ่มสามมิตรชิงเดินหมากการเมืองก่อนทุกพรรคการเมือง ย่อมทำให้ตัวเองมีความได้เปรียบ แม้เวลานี้จะถูกกังขาว่าเป็นของจริงหรือไม่ แต่ถ้าเดินหน้าเก็บแต้มและดูดนักเลือกตั้งได้ต่อเนื่องอย่างที่ทำอยู่ พรรคการเมืองใหญ่ในปัจจุบันก็คงจะหนาวๆ ร้อนๆ เช่นกัน