posttoday

ความคึกคักในภาคธุรกิจ ความหวังกู้ศก.โลก?

19 ตุลาคม 2553

สภาพการณ์ของเศรษฐกิจโลกยิ่งร่อแร่ลงทุกขณะ เพราะแม้แต่คำยืนยันจากปากของ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรณีที่จำเป็น ยังไม่สามารถกระตุ้นเร้าให้ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาในด้านบวกได้ มิหนำซ้ำเงินเหรียญสหรัฐกลับยิ่งอ่อนค่าลง

สภาพการณ์ของเศรษฐกิจโลกยิ่งร่อแร่ลงทุกขณะ เพราะแม้แต่คำยืนยันจากปากของ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรณีที่จำเป็น ยังไม่สามารถกระตุ้นเร้าให้ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาในด้านบวกได้ มิหนำซ้ำเงินเหรียญสหรัฐกลับยิ่งอ่อนค่าลง

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

ความคึกคักในภาคธุรกิจ ความหวังกู้ศก.โลก?

สภาพการณ์ของเศรษฐกิจโลกยิ่งร่อแร่ลงทุกขณะ เพราะแม้แต่คำยืนยันจากปากของ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรณีที่จำเป็น ยังไม่สามารถกระตุ้นเร้าให้ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาในด้านบวกได้ มิหนำซ้ำเงินเหรียญสหรัฐกลับยิ่งอ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหนึ่งที่อาจช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้น

ในสัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาของการประกาศผลประกอบการภาคธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 โดยเฉพาะบริษัทในสหรัฐ นักลงทุนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความหวังว่า หลังจากความล้มเหลวของเฟด ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด ผลประกอบการของภาคธุรกิจจะออกมาในด้านบวก และช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาอีกครั้ง

สัปดาห์ที่แล้วประเดิมด้วยการประกาศผลกำไรของกูเกิล ยักษ์แห่งโลกออนไลน์ มีรายได้สุทธิในช่วงไตรมาส 3 พุ่งขึ้นมาถึง 32% ที่ 2,170 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือ รายได้ที่พุ่งสูงขึ้นของกูเกิล เป็นผลสืบเนื่องมาจากรายได้จากการขายโฆษณาออนไลน์

รายได้ส่วนนี้แสดงให้เห็นว่า ภาคธุรกิจเริ่มใช้จ่ายมากขึ้น แม้ว่าผู้บริโภคยังเจียมเนื้อเจียมตัวใช้จ่ายอย่างกระเหม็ดกระแหม่

จะเห็นได้จากความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในสหรัฐและยุโรป จากการสำรวจโดยบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลก Conference Board พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริหารธุรกิจในสหรัฐปรับขึ้นมา 0.3% ในกลุ่มยูโรโซนบวก 0.4% และญี่ปุ่น 0.2%

ไม่เฉพาะกูเกิลเท่านั้น แต่ธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยียังกลายเป็นกระแสนำและความหวังของนักลงทุน เช่นแอปเปิล ที่สามารถทำราคาหุ้นช่วงซื้อขายระหว่างวันในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหุ้นของยาฮู! มีความเคลื่อนไหวที่คึกคักไม่แพ้กัน

สาเหตุที่ธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากมีงบดุลที่มีเสถียรภาพ ไม่จำเป็นต้องอัดฉีดทุนเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีฐานลูกค้าทั่วโลก และเป็นฐานลูกค้าที่ขยายตัวตามพัฒนาการทางเทคโนโลยี

นอกจากนี้ ยังคาดหวังกันว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการค้าปลีกโดยตรง จะพลอยคึกคักตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประกอบการของโคคาโคลา แมคโดนัลด์ ไฟเซอร์ และห้างวอลมาร์ท หากผลที่ออกมาเป็นไปในด้านบวก ก็ย่อมสามารถคาดหวังถึงความเปลี่ยนแปลงทีละน้อยในตัวเลขการบริโภคและค้าปลีก

นับเป็นความเคลื่อนไหวที่สวนกระแสเศรษฐกิจหลักอย่างสิ้นเชิง จนกลายเป็นความคาดหวังว่า ภาคธุรกิจอาจเป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวในช่วงเวลาที่มหาอำนาจเศรษฐกิจชั้นนำของโลกกำลังล้มลุกคลุกคลาน

อย่างไรก็ตาม แม้นักลงทุนจะคาดหวังกับภาคธุรกิจไว้สูง ดังที่สะท้อนออกมาในความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น แต่ธุรกิจพื้นฐานอันเป็นทั้งแรงผลักดัน และมูลเหตุของวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินยังคงซบเซาอย่างหนัก

ล่าสุดตลาดหุ้นที่กำลังรอคอยผลประกอบการภาคธุรกิจ ต้องสั่นสะเทือนเมื่ออัยการทั้ง 50มลรัฐของสหรัฐ ทำการสอบสวนธุรกิจปล่อยเงินกู้อสังหาริมทรัพย์ เพื่อตรวจสอบการกระทำอันมิชอบ จนส่งผลให้ที่พักอาศัยนับหมื่นๆ แห่งต้องถูกยึด เนื่องจากการปล่อยกู้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์อย่างไร้คุณภาพและขาดความรับผิดชอบ

การสอบสวนครั้งนี้จะกระทบต่อธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อย และย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจ

สิ่งที่ปรากฏในขณะนี้ คือ ราคาหุ้นของธุรกิจการเงินที่ดิ่งฮวบ ตั้งแต่แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก ที่ปรับลดลง 9.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซิตี้กรุ๊ป ลดลง 5.7% และ เจ.พี.มอร์แกน ปรับลงมา 5.5%

ทั้งนี้ ยังไม่นับผลกระกอบการของธุรกิจกลุ่มนี้ที่ยังอาจติดลบอย่างหนัก เนื่องจากวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง

ธุรกิจการเงินถือเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจสหรัฐ หากธุรกิจเหล่านี้ยังไม่อาจฟื้นตัว มิหนำซ้ำยังง่อนแง่นยิ่งกว่าเดิม ความหวังที่นักลงทุนจะหันมาเกาะการฟื้นตัวของภาคธุรกิจยิ่งริบหรี่ลง

ยังไม่นับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวพันเป็นวงจรกับภาคธุรกิจโดยตรง นั่นคือการจ้างงาน ที่สถานการณ์ยังคงเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง

หากวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รอบใหม่ขยายวงเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มอื่นๆ ดังเช่นเมื่อ 2 ปีก่อน สหรัฐจะยิ่งกลายเป็นภาระของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

กระนั้นนักลงทุนยังพอมีความหวังบ้างในภาคธุรกิจของยุโรป แม้ภาครัฐของยุโรปจะเผชิญกับวิกฤตหนี้สาธารณะ หลังจากที่มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธุรกิจในยุโรปจะประกาศตัวเลขผลประกอบการช่วงไตรมาส 3 ในด้านบวกเป็นส่วนใหญ่

นำโดยฟิลิปส์ผู้นำด้านธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก และ BASF บริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในโลก ASML ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของยุโรป รวมถึงซีเมนส์ ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี

แม้กระทั่งอุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรป ยังคาดหวังผลประกอบการที่หวือหวาตลอดทั้งปี 2553 ไม่ว่าจะเป็นโฟล์คสวาเกนและเฟียต

ปัจจัยที่เกื้อหนุนภาคธุรกิจในยุโรป มาจากการส่งออกไปยังตลาดเกิดใหม่ที่คึกคักขึ้น

ยุโรปและตลาดเกิดใหม่อาจเป็นความหวังที่เหลืออยู่ของนักลงทุน แต่แท้จริงแล้วพลวัตหลักของเศรษฐกิจโลกที่รอการฟื้น คือ สหรัฐ

หากภาคธุรกิจสหรัฐ ไปจนถึงผู้บริโภคอันเป็นเจ้าของที่พักอาศัยที่ยังพัวพันกับปัญหาเงินๆ ทองๆ ไม่อาจรอดพ้นจากวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในภูมิภาคอื่นจะต้องสั่นคลอนตามไปด้วย

ความหวังที่จะเกาะกระแสคึกคักของภาคธุรกิจจะกลายเป็นเพียงกระแสชั่ววูบ เป็นเพียงปัจจัยที่ไม่มีความจีรัง ที่ผ่านเข้ามาให้นักลงทุนรื่นเริงเพียงชั่วครั้งชั่วคราว