posttoday

สมรภูมิภาคใต้เดือด กปปส.เปิดศึกชนปชป.

09 มีนาคม 2561

กลายเป็นศึกสายเลือดที่อาจทำให้วลีที่ว่า “ภาคใต้ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟลงสมัครก็ชนะเลือกตั้ง” สิ้นมนต์ขลัง

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

กลายเป็นศึกสายเลือดที่อาจทำให้วลีที่ว่า “ภาคใต้ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟลงสมัครก็ชนะเลือกตั้ง” สิ้นมนต์ขลัง

เมื่อล่าสุด กปปส.ประกาศเตรียมตั้งพรรคเดินหน้าลงสนามเลือกตั้งและเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแข่งขันกับประชาธิปัตย์แบบเต็มตัว ส่งผลให้สมรภูมิเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้เริ่มเดือดตั้งแต่ปี่กลองการเมืองยังไม่ทันเริ่มส่งเสียง

​ทันทีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดให้กลุ่มต่างๆ สามารถจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองได้ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมากลุ่ม กปปส. เริ่มขยับตั้งแต่การจัดหาสมาชิกพรรคไปจนถึงขั้นเฟ้นหาตัวผู้สมัครที่จะมาลงสนามแข่งขันกับประชาธิปัตย์

จาก “มิตร” จึงต้องกลายเป็น “ศัตรู”  ศึกระหว่างคนกันเองของ กปปส.และประชาธิปัตย์ ที่รู้ไส้รู้พุงกันดี จึงส่อเค้ารุนแรงกว่าศึกอื่นๆ ที่ผ่านมา โดยมีเดิมพันเป็นพื้นที่ด้ามขวานซึ่งแยกกันไม่ขาดว่าเป็นฐานเสียงของ กปปส.หรือประชาธิปัตย์

ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ประชาธิปัตย์ต้องแตกหักกับ กปปส. คือจุดยืนเรื่องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย เพื่อสานต่อภารกิจปฏิรูปยังคั่งค้างให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ขัดแย้งกับจุดยืนของประชาธิปัตย์ที่ไม่อาจหันไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะกระทบกับฐานคิดและส่งผลเสียหายในระยะยาวของประชาธิปัตย์จนยากจะกู้กลับคืน

เวลานี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประกาศวางมือทางการเมืองยังแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อด้านหนึ่งยืนยันว่า กปปส.ไม่ตั้งพรรค ส่วนมวลมหาประชาชนใครจะไปตั้งพรรคก็เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งสุเทพเองจะสนับสนุนพรรคไหนก็เป็นสิทธิทางการเมือง

ในขณะที่ ธานี เทือกสุบรรณ ซึ่งประกาศเตรียมตั้งพรรค “พรรคมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” กปปส.ยังอยู่รอจังหวะเตรียมไปจดแจ้งกับทาง กกต.ในเร็วๆ นี้

ขณะที่ในพื้นที่เองก็เริ่มมีการหาสมาชิก เฟ้นหาตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ฐานที่มั่นของสุเทพ ซึ่งมีการออกมาประกาศจากหัวคะแนนพรรค กปปส.ว่าจะกวาดที่นั่งให้ได้ยกจังหวัด

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ กปปส.ที่ต้องแข่งกับประชาธิปัตย์ แต่หากพิจารณาแล้วตัวผู้สมัครที่มีความชัดเจนเวลานี้ ได้แก่ ธานี เทือกสุบรรณ เชน เทือกสุบรรณ น้องชายสุเทพ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มายาวนาน การจะเปลี่ยนมาสวมเสื้อ กปปส. ลงสนามเลือกตั้งย่อมได้เปรียบประชาธิปัตย์ที่จะต้องไปปัดฝุ่นหาผู้สมัครที่ห่างพื้นที่ไปนานกลับมาลงสนาม

แถมยังมีข่าวว่าพรรค กปปส.​ได้เข้าทาบทามดึงประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์บางสาขาไปร่วมทีมกับ กปปส. ​ซึ่งจะยิ่งทำให้ฐานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องเสียอดีต สส.ไปแล้วยิ่งต้องอ่อนแรงลงไปด้วย

สถานการณ์ในพื้นที่ยังส่อเค้ารุนแรงหนักขึ้นเมื่อ แจ็ค-วัชระ เพชรทอง ​อดีต สส.บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์ เด็กในคาถา บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ออกมาเสนอตัวลงพื้นที่สุราษฎร์ธานีชนกับ กปปส.

ด้วยความเป็นคู่ปรับที่เปิดหน้าชนกันมายาวนาน หากประชาธิปัตย์ตัดสินใจส่งวัชระลงแข่งกับ กปปส. ย่อมมีแต่จะทำให้การแข่งขันในพื้นที่ดุเดือดมากขึ้น และทำให้ช่องว่างระหว่างสองฝั่งถ่างออกไปมากขึ้น

เมื่อภาพรวมแล้ว “ประชาธิปัตย์” ย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ สส.มากที่สุด สำหรับไปรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ดังนั้นฐานที่มั่นในพื้นที่ภาคใต้ย่อมไม่อาจปล่อยให้พรรคอื่นมาช่วงชิงเก้าอี้ สส.เขตไปได้ อันจะกระทบทั้งขวัญกำลังใจ และบานปลายเกิดการไหลออกต่อเนื่องในอนาคต

ส่วนในมุมของ กปปส.เจ้าของพื้นที่เดิม หากไม่สามารถรักษาพื้นที่ของตัวเองได้ ย่อมส่งผลต่อความเข้มแข็งของพรรค เกิดสภาพขาลอยที่จะยิ่งอ่อนแรงในระยะยาว

สุดท้ายเมื่อทั้งสองฝั่งก้าวสู่สนามเลือกตั้งอย่างเต็มตัว ย่อมต้องทำทุกวีถีทางเพื่อจะให้ฝ่ายตัวเองได้รับชัยชนะ รวมทั้งการปราศรัยโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่จะยิ่งทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ

อย่าลืมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแข่งขันกับพรรคเพื่อไทย หรือระบอบทักษิณเหมือนที่ผ่านๆ มา

การปราศรัยโจมตีพุ่งเป้าทำลายความล้มเหลวของการบริหารงานของรัฐบาลเพื่อไทยในอดีตหลายๆ โครงการที่ขุดคุ้ยมาโจมตี ทั้งความล้มเหลวในการบริหารราชการ ไปจนถึงเงื่อนงำคามไม่โปร่งใส การทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นสูตรสำเร็จในการหาเสียงจึงไม่อาจใช้ได้กับการเลือกตั้งครั้งนี้

แน่นอนว่า “ประชาธิปัตย์” ที่มีจุดแข็งเป็นการตั้งเวทีปราศรัยย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเลือกหาเสียงพาดพิงกระทบกระทั่งไปถึงฝั่ง กปปส. ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.ที่จะนำไปสู่การเปิดหน้าวิวาทะกันอย่างรุนแรงต่อไป

เมื่อฝั่ง กปปส.เองเวลาหาเสียงย่อมต้องชี้แจงถึงที่มาที่ไปถึงการสนับสนุน คสช. โดยไม่เลือกสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดสภาพสาวไส้กันเองที่จะหนึกขึ้นเรื่อยๆ

ในแง่อดีต สส.รวมไปถึงบรรดาสาขาพรรค หัวคะแนน สมาชิกพรรค ในพื้นที่เองย่อมต้องเกิดความอิหลักอิเหลื่อวางตัวไม่ถูกกลายเป็นสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ในวันที่สมรภูมิเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้ดุเดือดจนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด