posttoday

ประยุทธ์-ประวิตร สัมพันธ์ตัดกันไม่ขาด

20 พฤศจิกายน 2560

สายสัมพันธ์ที่มีมายาวนานตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร จึงเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งไม่ให้พี่น้องต้องมาแตกคอในช่วงนี้

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ตัดไม่ตายขายไม่ขาด สำหรับความสัมพันธ์ของ 3 ป.​แห่งบูรพาพยัคฆ์ ไล่มาตั้งแต่ ป.ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ ป.ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์​ เผ่าจินดา พี่รอง และ ป. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เมื่อล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดเจนว่าการปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 ทั้งบิ๊กป้อมและบิ๊กป๊อกยังอยู่ในตำแหน่งทั้งคู่

ท่ามกลางแรงกดดันจากสังคมให้ใช้โอกาสนี้ ปรับใหญ่ ครม.ดึงเอาคนที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ตรงสายงานมานั่งเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ ทดแทนบรรดา “บิ๊กทหาร” ในรัฐบาล

เพื่อใช้โอกาสในช่วงโค้งสุดท้ายปลายโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ฟื้นความเชื่อมั่น และเพิ่มคะแนนนิยมให้กลับคืนมา

ดังจะเห็นว่าที่ผ่านมาการปรับ ครม. 4 ครั้งก่อนหน้านี้ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานในหลายกระทรวงสำคัญ แต่สุดท้ายกลุ่มนายทหารคนสนิทของ คสช.​ก็ไม่ได้ถูกปรับออก เพียงแค่โยกย้ายสลับสับเปลี่ยนเก้าอี้เท่านั้น

ทว่า รอบนี้กระแสกดดันรุนแรงจน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อาจนิ่งนอนใจปล่อยให้เป็นเช่นเดิม

ส่งผลให้ความสัมพันธ์อันระหองระแหงก่อนหน้านี้ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ​.ประวิตร กลับมาคุกรุ่นอีกรอบ จนถึงขั้นมีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมปรับ พล.อ.ประวิตร พ้น ครม. ประยุทธ์​ 5

ถึงขั้นที่ พล.อ.ประวิตร ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “ผมไม่รู้ตัวเองเลย ยังไม่รู้เลยว่าจะได้อยู่หรือเปล่า…ก็แล้วเเต่ท่านนายกฯ สิ”

ที่สำคัญรอยร้าวระหว่างพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ปรากฏอาการความระหองระแหงให้เห็นมาตลอดและมีแนวโน้มหนักขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งเรื่องการแต่งตั้งทำโผโยกย้ายแต่ละรอบ ซึ่งจะเห็นความไม่ลงรอยของทั้งคู่ จนเกิดแรงกระเพื่อมเป็นระลอก ซึ่งสุดท้ายก็สามารถหาทางออกที่ลงตัวด้วยกันทั้งสองฝ่ายได้

ทว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการคลี่คลายมีแต่หมักหมมและสะสมรวมกับเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามมา

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเด็นเรื่องแนวคิด เซตซีโร่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนหน้านี้ในช่วงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)​ ที่มีความคิดเห็นแตกต่างออกเป็นสองแนวทาง

เมื่อมีกระแสออกมาว่าฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการจะให้เซตซีโร่เหมือนกับองค์กรอิสระอื่นๆ  เพื่อ​สร้างบรรทัดฐานให้เกิดขึ้นไม่กลายเป็นปัญหาต่อมาในภายหลัง ขณะที่ฝั่ง พล.อ.ประวิตร ต้องการให้ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาในช่วงหลังรัฐประหารอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ

แม้จะสุ่มเสี่ยงกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.

ถือเป็นเป็นมือไม้ที่สนิทสนมกับทาง พล.อ.ประวิตร จนได้มารับตำแหน่งสำคัญนี้

ยังไม่รวมกับกรณีการลาออกของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล จากตำแหน่ง รมว.แรงงาน ​อันเป็นกุญแจสำคัญนำมาสู่การปรับ ครม.ครั้งนี้

ทั้งนี้ พล.อ.ศิริชัย ถือเป็น เด็กในคาถา ของ พล.อ.ประวิตร การลาออกครั้งนี้ จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง

เบื้องหน้าเบื้องหลังและตอกย้ำรอยร้าวระหว่างพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ที่ดูจะไม่มีวันสมาน

ยังไม่รวมกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ถึงขั้นจะปรับตำแหน่ง พล.อ.ประวิตร เหลือเพียงแค่รองนายกฯ  โพย พล.อ.ประยุทธ์ จะมานั่งควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ด้วยตัวเอง ก่อนที่สุดท้าย นายกฯ จะออกมาปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว

แต่ทั้งหมดล้วนแต่ตอกย้ำความสัมพันธ์อันแนบแน่นของของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ ที่ต่อให้มีเรื่องระหองระแหงแค่ไหนก็ไม่อาจตัดกันได้ขาด

ยิ่งในเวลานี้ที่ต้องเริ่มเตรียมปูทางลงจากอำนาจ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง หากพลาดพลั้งหรือมีแรงกระเพื่อมภายใน คสช.ย่อมไม่เป็นผลดี แถมอาจกระทบไปถึงสิ่งที่พยายามทำมาทั้งหมดต้องเสียหายไปด้วย

อย่าลืมว่าเวลานี้แรงสนับสนุนจากฝ่ายต่างๆ ที่มีต่อ คสช. เริ่มลดน้อยถอยลงไปจากช่วงหลังรัฐประหารเป็นอย่างมาก หากคนกันเองยังต้องมาแตกคอกันในเวลานี้ย่อมเพิ่มปัจจัยเสี่ยงให้เส้นทางที่กำลังจะเดินไปข้างหน้ายิ่งมีอุปสรรคมายิ่งขึ้น ​

การรักษามิตรภาพในหมู่พี่น้องและกองทัพให้เป็นเอกภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

สายสัมพันธ์ที่มีมายาวนานตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร จึงเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งไม่ให้พี่น้องต้องมาแตกคอในช่วงนี้ อันอาจเป็นจุดอ่อนเปิดช่องให้ฝั่งตรงข้าม หรือกลุ่มที่ไม่หวังดีอาศัยจังหวะนี้เข้ามาเล่นงาน

ที่สำคัญ ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนแต่ร่วมลงเรือลำเดียวกัน เป็นกำลังหลักที่ร่วมกันวางแผนและบทบาทสำคัญในทิศทางการบริหารประเทศมาตั้งแต่ต้น การมาแตกคอในช่วงนี้ย่อมส่งผลทำให้สิ่งที่เริ่มต้นไว้มีปัญหา ไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ

ยังไม่รวมกับกระแสข่าวเรื่องการตั้งพรรคที่เป็นนอมินี คสช.ขึ้นมาเป็นกำลังเสริมหลังการเลือกตั้ง ในวันที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสืบทอดอำนาจดังขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งหมดทำให้ทั้งคู่ไม่อาจตัดขาดจากกันได้