posttoday

ศึกหนัก ‘สุดารัตน์’ เส้นทางนายหญิงลำบาก

18 ตุลาคม 2560

เวลานี้ปี่กลองการเมืองใกล้จะดังเข้าไปทุกที ภายหลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

เวลานี้ปี่กลองการเมืองใกล้จะดังเข้าไปทุกที ภายหลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ ต่อด้วยท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเปิดรับนักการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์ แสดงอาการเปิดรับนักการเมืองผ่าน 2 ประเด็น ได้แก่ 1.การยืนยันชัดเจนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2561 และ 2.เตรียมผ่อนคลายกฎเหล็กการเมืองเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้

ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ อ่อนลง ส่งผลให้นักการเมืองแสดงอาการตอบรับพอสมควร เหลือเพียงแต่รอให้ถึงเวลาที่ คสช.ยอมไขกุญแจเปิดประตูเมื่อไหร่ พรรคการเมืองก็พร้อมเดินหน้าเมื่อนั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงวันฟ้าเปิดนั้น ปรากฏว่าในระหว่างพรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรค ก็แสดงออกให้เห็นถึงตัวผู้นำทางการเมืองที่จะนำทัพสู่สนามเลือกตั้งในปีหน้ากันทางอ้อมแล้ว

1.พรรคประชาธิปัตย์ หากไม่มีอะไรผิดพลาดผู้นำของพรรคยังคงเป็นชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ตามเดิม เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้พรรคไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก และชื่อของอดีตนายกฯ คนนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะผ่านสมรภูมิการเมืองมาอย่างโชกโชน

อีกทั้งสมาชิกพรรคยังพร้อมให้โอกาสอีกครั้ง และถ้าครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ชนะการเลือกตั้งอีก ก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ถึงขั้นอาจได้เห็นการขอตัวเองไปอยู่เบื้องหลังของอภิสิทธิ์

2.พรรคชาติไทยพัฒนา นับตั้งแต่พรรคสูญเสีย "บรรหาร ศิลปอาชา" ผู้เป็นมังกรการเมืองของพรรค ก่อให้เกิดคำถามตามมาอีกมากว่าพรรคการเมืองนี้จะเดินไปทิศทางไหน ระหว่างการไปรวมกับพรรคเพื่อไทยหรือเดินหน้าสู้ต่อด้วยลำแข้งของตัวเอง

สุดท้าย ปรากฏว่า "วราวุธ ศิลปอาชา" บุตรชายของอดีตนายกฯ บรรหาร ประกาศชัดเจนว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในนามพรรคเดิมต่อไป โดยจะไม่ขอไปรวมกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น และจะขอรักษาฐานที่มั่นในภาคกลางเอาไว้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับจังหวะขยายฐานเสียงไปยังพื้นที่อื่นเพิ่มเติมด้วย

3.พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่ยังไม่อาจหาความชัดเจนได้ว่าใครจะเป็นผู้นำพรรคคนต่อไป หลังจาก "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ จำคุกในคดีรับจำนำข้าวเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา

นับเป็นอีกครั้งที่ผู้นำพรรคเพื่อไทยต้องหยุดเส้นทางการเมือง หลังจากผู้นำของพรรคในอดีตต่างต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น "ทักษิณ ชินวัตร" "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" จนกระทั่งมาถึงยิ่งลักษณ์

ด้วยเหตุนี้เองทำให้พรรคเพื่อไทยจึงยังกล้าๆ กลัวๆ ในการที่จะเปิดตัวผู้นำพรรคคนใหม่ จะมีเพียงที่ถูกชูขึ้นมาเป็นประเด็นอยู่บ้างก็เฉพาะ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" เท่านั้น แต่ถ้าถามว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะแบเบอร์ในตำแหน่งผู้นำพรรคหรือไม่ ก็คงได้ คำตอบว่า "ไม่แน่เสมอไป"

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการเมืองภายในพรรคเพื่อไทยค่อนข้างแรงพอสมควร เนื่องจากมีการแบ่งเป็นหลายกลุ่มหลายก๊วน กลุ่มเจ๊คนนั้น กลุ่มเจ๊คนนี้ ทำให้ยากต่อการจุดร่วมที่ลงตัว เว้นแต่จะมีคำสั่งจากคนแดนไกลลงมาอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม ชั่วโมงนี้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดของพรรคเพื่อไทย อาจด้วยเหตุที่มีความสัมพันธ์อันดีกับบรรดานายพลใน คสช.หลายคน ส่งผลให้ทุกย่างก้าวของ คุณหญิงสุดารัตน์ถูกจับตามองแบบตาไม่กะพริบ

เรียกได้ว่ามีทั้งกลุ่มที่คอยสนับสนุนและกลุ่มที่เตรียมซ้ำเติมทันทีที่ก้าวพลาด

ในที่สุดคุณหญิงสุดารัตน์ก็ก้าวพลาดจนได้ ภายหลังปรากฏภาพขึ้นรถกระบะติดชื่อตัวเองเพื่อเชิญชวนให้คนไทยมาปลูกดอกดาวเรือง

แน่นอนว่าเจตนาของคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงอย่างที่ตัวเองยืนยัน เพราะเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายเดือน แต่เมื่อภาพที่ออกมาเสมือนหนึ่งเป็นการหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าในช่วงเวลาสำคัญของคนไทย จึงไม่แปลกที่ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ต้องเผชิญกับสถานการณ์หมู่บ้านกระสุนตกไปโดยปริยาย

"ขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขอยืนยันว่าไม่มีจุดมุ่งหวังเพื่อการเมืองใดๆ และไม่มีการเอาเรื่องนี้มาหาผลประโยชน์ และต้องขอกราบขออภัยที่ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจ" คำแถลงของคุณหญิงสุดารัตน์พร้อมด้วยน้ำตา

จากนี้ไปถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ตัดสินใจจะเดินหน้าขึ้นเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธไม่ได้ต้องเตรียมแรงปะทะจากทุกด้านจากทั้งในและนอกพรรคการเมือง

อย่างในพรรคการเมือง กลุ่มที่ไม่สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ย่อมจะนำประเด็นนี้มาคอยแซะเพื่อให้สมาชิกพรรคหรือแม้แต่นายใหญ่ต้องไตร่ตรองให้ดีหากจะให้คุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นเป็นนายหญิงของพรรค

เช่นเดียวกับแรงกดดันจากนอกพรรคเพื่อไทย จะเอาเรื่องนี้เป็นประเด็นโจมตีในระหว่างหาเสียงแน่นอน

ดังนั้น เส้นทางและโอกาสของ คุณหญิงสุดารัตน์ที่เคยคิดว่าง่ายก็จะไม่ง่ายอีกต่อไป เพราะมีมรสุมที่พร้อมจะก่อตัวและถล่มได้ทุกเวลา เว้นเสียแต่คุณหญิงสุดารัตน์จะถอดใจไปเอง