posttoday

ยิ่งลักษณ์หนีคดี เข้าทาง คสช.ลากยาว

29 สิงหาคม 2560

ว่ากันว่าการตัดสินใจหลบหนีไม่มาฟังคำตัดสินคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา อาจเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุดในสถานการณ์การเมืองเวลานี้ ​

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

ว่ากันว่าการตัดสินใจหลบหนีไม่มาฟังคำตัดสินคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์​ ชินวัตร เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา อาจเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุดในสถานการณ์การเมืองเวลานี้ ​

ในมุมของยิ่งลักษณ์กับเส้นทางซึ่งผลของคดีที่ยังไม่รู้ว่าจะออกมาอย่างไร การจะให้อดีตนายกฯ ต้องเอาตัวไปเสี่ยงกับการถูกคุมขังในช่วงระหว่างรออุทธรณ์ กรณีหากศาลตัดสินว่ามีความผิดไม่รอลงอาญาก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก

สู้หลบหนีออกไปตั้งหลักเพื่อรอดูทิศทางลมแล้วค่อยคิดอ่านว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แม้ตามกฎหมายใหม่เมื่อตัดสินใจหลบหนีแล้วจะต้องหนีตลอดชีวิตก็ตาม

เพราะหากกรณีศาลตัดสินว่ามีความผิดและไม่ให้ประกันตัวเพราะกลัวว่าจะหลบหนี ยิ่งทำให้ประตูที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่บานต้องปิดตาย และยากจะหาช่องทางหลบหนียากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ​

ส่วนในกรณีที่หากศาลอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 ก.ย. และปรากฏว่าไม่มีความผิดก็ยังมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในประเทศไทยได้อีกครั้ง ​

ส่วนในมุมของกระบวนการยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย 3.57 หมื่นล้านบาท ไม่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ก็แทบไม่มีผลในทางปฏิบัติ ซึ่งจากคำชี้แจงของ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้จำแนกทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ไว้สองส่วน คือ

1.สังหาริมทรัพย์ ได้แก่ เงินฝากอยู่ในธนาคารต่างๆ ที่ตอนนี้ตรวจพบแล้วว่ามีอยู่ 10-20 บัญชี รวมแล้วเป็นจำนวนเงินไม่มากที่ถูกอายัดเพื่อไม่ให้มีการจำหน่ายจ่ายโอน แต่ยังไม่ถูกยึดมาเป็นของหลวง

2.อสังหาริมทรัพย์ คือที่ดิน บ้าน คอนโด ฯลฯ ประมาณ 37 รายการ กรมบังคับคดีได้ประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อขออายัดฟรีซทรัพย์นั้นไว้เช่นกัน เพื่อไม่ให้มีการทำธุรกรรม จำหน่าย จ่ายโอน แต่ยังไม่ถูกยึดเข้ารัฐ และยังไม่ถูกนำมาขายทอดตลาด

ระหว่างนี้ ยิ่งลักษณ์ก็จะไม่ถูกรบกวนหรือดำเนินการใดๆ เพราะหลังจากมีกระแสข่าวว่ายิ่งลักษณ์เดินทางไปพบอดีตนายกฯ ทักษิณ​ ชินวัตร พี่ชาย ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสวัสดิภาพแล้ว

ยังปรากฏกระแสข่าวมีความพยายามยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยในสหราชอาณาจักรต่อไป

ส่วนมุมมองจากฝั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การหลบหนีของยิ่งลักษณ์อาจช่วยลดความร้อนแรงทางการเมืองที่เริ่มกลับมาร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง ป้องกันไม่ให้ทุกอย่างบานปลายจนควบคุมได้ยาก

เมื่อระยะหลังปรากฏสัญญาณการออกมาปลุกมวลชนจากแกนนำเพื่อไทยและเสื้อแดงที่เคยเงียบเหงาให้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

หากปล่อยไว้อาจเป็นหัวเชื้อให้หยิบยกไปเป็นประเด็นเคลื่อนไหวในอนาคต ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาอย่างไรก็ตาม

แต่ฝั่งที่ดูจะได้ประโยชน์จากการหลบหนีของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมหนีไม่พ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

จะมีก็เพียงแรงเสียดทานเล็กน้อย จากความผิดพลาดที่ปล่อยปละให้ผู้ต้องหาที่สังคมกำลังจับตาทั้งประเทศเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศได้อย่างไร้ร่องรอย

อันจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพการทำงานทั้งด้านการข่าว​ หน่วยงานควบคุมดูแลการเข้าออกประเทศ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แต่สิ่งที่จะได้ตามมามากกว่าเมื่ออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกนอกประเทศ คือเส้นทางตามโรดแมปที่ดูสดใสและชัดเจนขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา ​

เริ่มตั้งแต่แรงเสียดทานที่เคยรุมเร้ารัฐบาล และ คสช.​จะอ่อนกำลังลงไป เมื่อหัวขบวนต้องมาเผชิญชะตากรรมจนต้องหลบหนีคดีออกนอกประเทศ ทิศทางการเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะตามมาไม่มีความชอบธรรม

ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เคยปลุกปั้นให้ยิ่งลักษณ์เป็นวีรสตรีที่ยืนหยัดต่อสู้​พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

การหลบหนีคดีจึงล้มล้างภาพที่เคยปลุกปั้นให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นสัญลักษณ์ของความถูกต้อง ต่อสู้กับเผด็จการ ถึงขั้นเทียบเคียง อองซานซูจี ต้องพังทลายลงไปในพริบตา

การจะออกมาเคลื่อนไหวใดๆ ที่ท้าทาย คสช. นับจากนี้ยากจะสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล คสช. ด้วยสถานะการหลบหนีไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนที่เคยยืนหยัดต่อสู้ในอดีต

เช่นเดียวกับเสถียรภาพภายในพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายมวลชนคนเสื้อแดง ที่เคยมียิ่งลักษณ์เป็นหลักยึดหลอมรวมทุกฝ่ายไม่ให้กระสานซ่านเซ็นไปไหน

เมื่อขาดกุญแจสำคัญ โครงสร้างทั้งภายในและภายนอกพรรคจึงมีแต่จะอ่อนแอมากขึ้น อันจะกระทบต่อไปถึงฐานเสียง และผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2561

ที่สำคัญความอ่อนแอของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นผลดีกับพรรคใดพรรคหนึ่งโดยตรง  แต่จะนำไปสู่สภาพเบี้ยหัวแตกของพรรคขนาดกลางและเล็ก ท่ามกลางแนวคิดดัน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ คนนอก

ทั้งหมดยิ่งทำให้เส้นทางตามโรดแมปดูจะทอดยาว ไกลจากเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ