ทางสามแพร่งพิพากษา'ยิ่งลักษณ์'
คาด 3 แนวทางพิพากษา คดี"ยิ่งลักษณ์" มีความผิดและสั่งจำคุก,มีความผิดแต่รอลงอาญาและไม่มีความผิด
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ในที่สุดการเมืองไทยก็เดินทางมาถึงกิโลเมตรที่สำคัญ เนื่องจากวันนี้ (25 ส.ค.) คนไทยทั้งประเทศจะได้รู้กันแล้วว่ามหากาพย์คดีจำนำข้าวที่มี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยหมายเลขหนึ่งจะมีบทสรุปออกมาเป็นอย่างไร
1.พิพากษาให้มีความผิดและสั่งจำคุก
มาตรา 195 กำหนดขั้นตอนการอุทธรณ์ไว้พอสังเขปว่าต้องยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษา จากนั้นที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะตั้งองค์คณะจำนวน 9 คนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยคำอุทธรณ์ ซึ่งจะต้องเป็นผู้พิพากษาที่ ไม่ได้เป็นผู้พิจารณาในคดีนี้มาก่อน
โดยเมื่อองค์คณะผู้พิพากษาชุดนี้มีความเห็นออกมาอย่างไร ให้ถือว่าเป็นคำวินิจฉัยของอุทธรณ์ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา หมายความว่าความเห็นขององค์คณะถือเป็นที่สุด
2.พิพากษาให้ไม่มีความผิด
แต่กระนั้นอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์สามารถใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ตามมาตรา 195 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เช่นเดียวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กำลังพิจารณาจะอุทธรณ์คำพิพากษายกฟ้องสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ในคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ในเวลานี้
3.พิพากษาให้มีความผิดแต่รอลงอาญา
ดังนั้น หากมองในมุมที่ว่ายิ่งลักษณ์ไม่เคยทำผิดและถูกลงโทษในทางอาญามาก่อน ก็มีความเป็นไปได้ที่ถึงแม้ ยิ่งลักษณ์ถูกพิพากษาให้มีความผิด แต่อาจได้รับการรอลงอาญาไว้ก่อน อย่างไรก็ดี ถ้าคำพิพากษาออกมาในแนวทางนี้ขึ้นมา อัยการสูงสุดยังมีสิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 195 ได้เช่นกัน
หนึ่งในสามแนวทางที่ว่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยิ่งลักษณ์เดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ศาลฎีกาฯ จะต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป 30 วัน พร้อมกับออกหมายจับ
โดยเมื่อพ้น 30 วันไปแล้ว ศาลจึงสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ทันทีตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ยังไม่มีการประกาศใช้
นอกจากนี้ ที่สุดแล้วไม่ว่าผลของคำพิพากษาจะออกมาในรูปแบบใด จะไม่มีผลต่อการพิจารณาเรียกค่าเสียหายทางแพ่งตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
อิสรภาพกับอนาคตการเมือง
มาตรา 98 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 วางหลักเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สส.ไว้ 18 ประการ โดยมีลักษณะต้องห้ามอยู่ 2 ประการที่อาจจะกระทบต่อยิ่งลักษณ์โดยตรง ได้แก่
1.เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายของศาล2.เป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เพราะกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
เมื่อพิจารณาจากรัฐธรรมนูญแล้วทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าหากยิ่งลักษณ์ถูกพิพากษาจำคุกโดยต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำจริง เท่ากับว่าจะขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้สมัคร สส.ไปตลอดชีวิต จนกว่ารัฐธรรมนูญจะถูกแก้ไขเป็นอย่างอื่น
แต่มีประเด็นขบคิดหากศาลฎีกาฯ พิพากษาให้มีความผิดแต่รอลงอาญาจะมีผลอย่างไร?ถ้าดูจากมาตรา 98 ข้างต้นย่อมมีความเป็นไปได้พอสมควรที่ยิ่งลักษณ์อาจถูกตัดสิทธิการสมัคร สส.ตลอดชีวิตเช่นกัน เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติข้อยกเว้นเรื่องการรอลงอาญาเอาไว้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญกำหนดเงื่อนไขไว้เพียงแค่การถูกศาลพิพากษาเป็นที่สุดในคดีทุจริตก็เพียงพอที่จะตัดสิทธิการสมัคร สส.อยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเรือนจำจริงๆ ทั้งตัวแต่อย่างใด