กปปส.-ปชป. รอยร้าวที่ยังสมานไม่สนิท
ปรากฏการณ์ 8 แกนนำ กปปส.คืนรังประชาธิปัตย์ ปิดห้องเคลียร์ใจกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคนับเป็นอีกความพยายามสมานรอยร้าว
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ปรากฏการณ์ 8 แกนนำ กปปส.คืนรังประชาธิปัตย์ ปิดห้องเคลียร์ใจกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นับเป็นอีกความพยายามสมานรอยร้าว เร่งยุติความขัดแย้งของคนกันเองที่กำลังปะทุหนักเวลานี้
หลังจากวิวาทะระหว่าง กปปส.-ปชป.ไต่ระดับความดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ชนวนมาจากที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. ประกาศจุดยืนแบบชัดเจนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย
แม้จะออกตัวว่าวางมือทางการเมืองเดินหน้าลุยทำงานมูลนิธิซึ่งกำลังเปิดตัวโรงเรียนอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ ที่เกาะสมุย แต่ด้วยบารมีอดีตประธาน กปปส.ทำให้การส่งสัญญาณครั้งนี้สะเทือนไปถึง อภิสิทธิ์ อย่างรุนแรง
ด้านหนึ่ง สุเทพ ถือเป็นอดีตเลขาธิการพรรค ที่เคยสร้างผลงานเดินสายรวมเสียงในสภาจนเพียงพอจะปั้นให้ อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และเผชิญชะตากรรมในช่วงวิกฤตการณ์มานานหลายปี
แม้สุดท้ายจะต้องยอมถอดสูทออกมาลุยการเมืองข้างถนน นำมวลชนคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย แต่หลายฝ่ายยังมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ “แยกกันเดินร่วมกันตี” เปิดศึกขนาบสองด้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่ท่าทีที่ “เปลี่ยนไป” ประกาศจุดยืนหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือเป็นการเลือกข้าง เลิกหนุน อภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แบบชัดเจน
แกนนำ กปปส.จึงตกที่นั่งลำบากว่าจะวางตัวอย่างไร เพราะหากจะกลับเข้าพรรคแล้วไปชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แทนหัวหน้าพรรคก็คงไม่ใช่หลักการที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น
ฟางเส้นสุดท้ายนี้ทำให้บรรดาองครักษ์ออกมาปกป้องอภิสิทธิ์ และเรียกร้องให้ กปปส.ประกาศท่าทีจุดยืนให้ชัดเจนว่าจะเลือก สุเทพ หรืออภิสิทธิ์
สะท้อนผ่าน “ไลน์หลุด” ของ เทพไท เสนพงศ์ อดีตโฆษกประจำตัวมาร์ค ที่ออกมากระทบกระเทียบชูหลักการต้องหนุนอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เพื่อไม่ให้กระทบกับ “อุดม การณ์” มากกว่าทำตัวเป็น “ขี้ข้าประยุทธ์”
อีกมุมหนึ่งมองว่านี่เป็นเพียงแค่การตีกัน สกัดการกลับเข้าพรรคของคนใน ปชป.ที่ไม่ต้องการให้ กปปส.ต้องเข้ามาแย่ง “ที่นั่ง” ลงสนามเลือกตั้งในอนาคต ไปจนถึงตำแหน่งทางการเมืองอื่นในอนาคต
สอดรับกับความไม่ไว้วางใจในอดีต ซึ่งเคยมีความพยายามแซะเก้าอี้ อภิสิทธิ์ พ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรค รวมถึงความพยายามของ กปปส.ที่จะเข้าเทกโอเวอร์ประชาธิปัตย์อยู่เนืองๆ
แรงกระเพื่อมก่อตัวหนักขึ้น เมื่อ วิทยา แก้วภราดัย ลูกหม้อ ปชป. อดีตแกนนำ กปปส.และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ได้ออกมาถล่มพวกนักการเมืองที่กระสันการเลือกตั้ง กลืนน้ำลายที่เคยบอกว่าไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ
การกระทบกระทั่งของ “ลิ้นกับฟัน” ตั้งเค้าบานปลาย หากปล่อยไว้ย่อมไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝั่ง จนนำมาสู่การเคลียร์ใจ ระงับรอยร้าวไม่ให้ขยายวงจนถึงขั้นแตกหัก
พร้อมการตกผลึกนำมาสู่จุดยืนเบื้องต้นที่ ถาวร เสนเนียม อดีตรองเลขาธิการพรรคและแกนนำ กปปส. ที่ประกาศชัดว่าจะสนับสนุน อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม จะเรียกว่าเป็นการกลับมาซบ ปชป.ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะแกนนำ กปปส.ทั้งหมดก็ยังเป็นสมาชิกพรรคไม่เคยลาออก มีเพียงแค่บางคนที่ไปบวชในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลทำให้ความเป็นสมาชิกพรรคหายไป
แต่ละคนจึงเสมือนสวมหมวกสองใบทั้ง กปปส.และ ปชป.อยู่ที่ว่าจะเลือกเคลื่อนไหวในเวทีใด
หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้และกำลังเร่งจัดทำกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง ซึ่งใกล้ออกมาบังคับใช้แล้วนั้น ทำให้ กปปส.ถึงเวลาต้องตัดสินใจ
เมื่อกติกาชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถลงเลือกตั้งแบบอิสระได้ต้องสังกัดพรรคการเมืองเท่านั้น แกนนำ กปปส.ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีต สส.ภาคใต้ จึงไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากกลับมาสวมเสื้อประชาธิปัตย์ลงสนามเลือกตั้ง เพราะหากไปลงพรรคอื่นหรือตั้งพรรคใหม่ก็คงเป็นเรื่องยาก
ปัญหาอยู่ที่การกลับมาของ กปปส. ไม่ใช่ว่าจะเข้ากับ ปชป.เดิมได้ง่ายๆ เพราะความระหองระแหงที่ก่อตัวมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ย่อมยากจะทำให้สนิทใจกันได้
ยังไม่รวมกับข้อกังขาเรื่องการจะเข้ามาเทกโอเวอร์พรรคเขี่ยอภิสิทธิ์พ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรค อาศัยช่วงที่ต้องปรับเปลี่ยนผู้บริหาร และผลักดันคนอื่นขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง
ล่าสุด เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกลุ่ม กปปส.ยังแทงกั๊กว่า กปปส.จะสนับสนุนให้อภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคต่อไปหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต
รอยร้าวระหว่าง กปปส.และ ปชป. จึงอาจเหมือนกับน้ำมันที่แม้จะมาผสมรวมกันแต่ก็ยากจะเข้ากันได้อย่างสนิทใจ