posttoday

ไล่ล่าก่อการร้ายอังกฤษ

24 มีนาคม 2560

อังกฤษบุกค้นที่พัก 6 แห่งทั่วประเทศ หลังคนร้ายขับรถพุ่งชนและใช้มีดแทง เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ล่าสุดจับกุม ผู้ต้องสงสัยได้ 8 ราย

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

กรณีขับรถพุ่งชนผู้คนและใช้มีดแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าอาคารรัฐสภาอังกฤษในย่านเวสต์มินสเตอร์ ใจกลางกรุงลอนดอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งรวมถึงตัวผู้ก่อเหตุที่ถูกตำรวจวิสามัญในภายหลัง และบาดเจ็บอีกราว 29 รายนั้น กลายเป็นเหตุก่อการร้ายรอบใหม่และที่รุนแรงที่สุดในอังกฤษนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา และยังแสดงให้เห็นถึงรูปแบบการจู่โจมที่ยากจะป้องกันอีกด้วย

ล่าสุด เอพีรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอ้างความรับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า นักสู้รายหนึ่งของกลุ่มเป็นผู้ก่อเหตุ

มาร์ก โรวลีย์ ผู้บัญชาการหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายตำรวจนครบาลอังกฤษ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกปฏิบัติการบุกค้นที่พัก 6 แห่งทั่ว สหราชอาณาจักร และจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวเนื่องจากเหตุดังกล่าวได้แล้ว 8 ราย โดยการก่อการร้ายในครั้งนี้เป็นการก่อการร้ายเพียงลำพัง ไม่ใช่เครือข่ายก่อการร้าย ทว่าได้รับแรงจูงใจจากการก่อการร้ายในต่างประเทศ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากรถยนต์ยี่ห้อฮุนได ไอ40 สีเทาขับ พุ่งชนผู้ที่อยู่บนสะพานเวสต์มินสเตอร์มุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภาที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเทมส์ ก่อนจะชนผู้คนที่อยู่บน ฟุตบาทและพุ่งเข้าใส่รั้วของอาคารรัฐสภา หลังจากนั้นคนร้ายเดินลงจากรถยนต์ ดังกล่าวและมุ่งไปทางประตูทางเข้า สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เฝ้าอยู่หน้าอาคารหนึ่งรายโดยการใช้มีดเล่มใหญ่แทง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงวิสามัญ

นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของอังกฤษ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุเป็น ผู้มีสัญชาติอังกฤษ และทางหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ (เอ็มไอไฟว์) เคยสอบสวนผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ในรายชื่อของหน่วยข่าวกรองในปัจจุบัน

นอกจากการตรวจค้นและจับกุม ซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ยังประกาศเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราความปลอดภัยเข้มข้นขึ้น ทั่วกรุงลอนดอน แม้อังกฤษจะยังคงระดับเตือนภัยการก่อการร้ายไว้ที่ระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม และปิดบริเวณโดยรอบรัฐสภาอังกฤษ รวมถึงปิดบริการสถานีรถไฟใต้ดินเวสต์มินสเตอร์ชั่วคราว โดยเปิดให้บริการเฉพาะการเปลี่ยนสถานีเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สกอตแลนด์เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยหลังการจู่โจมอาคารรัฐสภาอังกฤษ แม้จะยังไม่มีข่าวกรองเตรียมการก่อการร้ายในสกอตแลนด์ เอดินบะระ ขณะที่ยังเลื่อนการพูดคุยกรณีเตรียมเปิดประชามติแยกตัวออกเป็นอิสระรอบ 2 ออกไปจาก วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันที่ 28 มี.ค.

สกัด 'ก่อการร้ายทุนต่ำ' ยาก

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยน สำนักข่าวรอยเตอร์ส และบีบีซี รายงานว่า การจู่โจมในครั้งนี้มีรูปแบบเดียวกับการขับรถบรรทุกพุ่งชนฝูงคนในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือน ก.ค. 2016 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 12 ราย และการขับรถพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลินเยอรมนี เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย โดยการก่อการร้ายดังกล่าวเป็นรูปแบบที่ดำเนินการได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำ ทว่าป้องกันได้ยาก

"การโจมตีรูปนี้ ไม่ต้องการการ เตรียมการพิเศษ ต้นทุนจึงต่ำมาก และทุกคนก็สามารถทำได้" เซบาสเตียน ปีตราซานตา ผู้เชี่ยวชาญด้านก่อการร้ายจากพรรคสังคมนิยมในฝรั่งเศส เปิดเผยกับรอยเตอร์ส

คิม โฮเวลส์ อดีตประธานคณะกรรมการฝ่ายความมั่นคงและข่าวกรองของรัฐสภาอังกฤษ เปิดเผยว่า ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองได้ทำหน้าที่เต็มที่เพื่อปกป้องกันเหตุก่อการร้ายแล้ว แต่การจะป้องกันการก่อการร้ายให้ได้ทั่งหมดเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ โดยหากทำพลาดแค่ครั้งเดียวหรือปล่อยให้คนร้ายหลุดรอดไปแค่คนเดียว ปัญหาก็จะตามมา

ก่อนหน้านี้ ตำรวจนครบาลอังกฤษเปิดเผยเมื่อปี 2016 ว่า หน่วยความมั่นคงและต่อต้านก่อการร้ายของอังกฤษสามารถสกัดเหตุก่อการร้ายได้ถึง 12 ครั้ง ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา หน่วยสืบราชการลับอังกฤษเอ็มไอไฟว์ ระบุว่า อังกฤษเผชิญกับภัยคุกคามด้านก่อการร้ายมาตลอด และมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริง

ยกระดับความปลอดภัย

เจ้าหน้าที่ในหลายเมืองใหญ่ ทั่วโลกประกาศยกระดับการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดหลังเกิดเหตุ ดังกล่าว โดยตำรวจนิวยอร์ก สหรัฐ เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยในบริเวณที่มีความเกี่ยวข้องกับอังกฤษ ทั้งสถานกงสุลในนิวยอร์ก และสำนักงานปฏิบัติการอังกฤษในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รวมถึงศาลกลางและสถานีรถไฟแกรนด์เซ็นทรัล ขณะที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ ระบุว่า กำลังร่วมมือกับอังกฤษอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้านอิตาลีจะยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในกรุงโรม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เนื่องจากเป็นสถานที่จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี สหภาพยุโรป (อียู) ในวันที่ 25 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ขณะที่ออสเตรเลียก็จะเพิ่มการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในออสเตรเลียด้วยเช่นกัน

ยุโรปผวารอบใหม่

เหตุสะเทือนขวัญในกรุงลอนดอน ทำให้ความหวาดกลัวภัยก่อการร้ายในยุโรปกลับมาอีกครั้ง และอาจช่วยหนุนพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ซึ่งมีนโยบายต่อต้านผู้อพยพ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดย มารีน เลอ เปน ตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสจากพรรคเนชั่นแนลฟรอนต์ (เอฟเอ็น) เรียกร้องให้ฝรั่งเศสควบคุมพรมแดน

ทั้งนี้ ในผลการสำรวจล่าสุดจากสถานีโทรทัศน์ บีเอฟเอ็มทีวี พบว่า ในการเลือกตั้งรอบแรกเดือน เม.ย. เลอ เปน จะมีคะแนน 25% น้อยกว่า เอ็มมานูเอล มาครอง ผู้สมัครอิสระ คู่แข่งชิงตำแหน่งเพียง 1% เท่านั้น

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ข่าว ดอยช์ เวลล์ รายงานอ้างหน่วยข่าวกรองเยอรมนีว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวขวาจัด ชื่อ ไอเดนทิทาเรียน มูฟเมนต์ (ไอบีดี) ในประเทศ เริ่มทำกิจกรรมเคลื่อนไหวในลักษณะลัทธิสุดโต่งมากยิ่งขึ้น เช่น การยั่วยุบรรดาพรรคการเมือง ก่อความปั่นป่วนตามมัสยิด และศูนย์พักพิงผู้อพยพ

ผู้นำโลกร่วมเคียงข้างอังกฤษ

ผู้นำทั่วโลกต่างประณามการก่อเหตุครั้งนี้และแสดงความเสียใจต่ออังกฤษ นำโดย ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประธานาธิบดี เรเซป เตยิป เออร์โดกัน ของตุรกี ขณะที่นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เกิล ของเยอรมนี ยืนยันจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับอังกฤษร่วมต่อต้านการก่อการร้าย ส่วนประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส ระบุว่าเข้าใจถึงความเจ็บปวดของอังกฤษดีหลังฝรั่งเศสเผชิญกับการก่อการร้ายมาแล้วหลายครั้ง

ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน เปิดเผยว่า ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอให้ผู้ที่อยู่ในกรุงลอนดอนติดตามความคืบหน้าจากทางการสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิด พร้อมหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ รวมถึงหากพบความผิดปกติให้แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานต่อต้านก่อการร้ายในสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ สถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลกแสดงความไว้อาลัยด้วยการใช้ลูกเล่นที่ไฟประดับอาคาร เช่น หอไอเฟลในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ดับไฟมืดเพื่อแสดงความอาลัย ขณะที่อาคารศาลากลางที่จัตุรัสเทลอาวีฟ ในอิสลาเอล เปลี่ยนสีเป็นรูปธงชาติของสหราชอาณาจักร