posttoday

ตั้ง'อัศวิน'คุมกทม. สร้างเอกภาพดูแลความสงบ

20 ตุลาคม 2559

ถอดรหัสคำสั่ง คสช.สะท้อนให้เห็น คือ หนึ่ง ต้องการ "ตัดตอน" ปล่อยให้เรื่องฉาวใน กทม.เป็นเรื่องของทีมบริหารชุดเก่าที่จะต้องรับผิดชอบตามผลการสอบสวนต่อไป สอง สะท้อนสภาพปัญหาในปัจจุบัน จนทำให้ คสช.ไม่อาจนิ่งนอนใจ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  ฉบับที่ 64/2559 กำหนดให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ้นจากตำแหน่ง และให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. และให้มีรองผู้ว่าฯ ไม่เกิน 4 คน

ทั้งนี้  มีผลจนกว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือ คสช. มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นประการอื่น อีกทั้งในคำสั่งนี้ยังกำหนดให้การแต่งตั้งและถอดถอนรองผู้ว่าฯ กทม. กระทำได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี

รวมทั้งให้นายกรัฐมนตรีอาจสั่งให้ผู้ว่าฯ กทม. หรือรองผู้ว่าฯ กทม. ออกจากตำแหน่งได้เมื่อมีกรณีแสดงให้เห็นว่า ได้กระทำการอันเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของตำแหน่ง หรือปฏิบัติการหรือละเลยไม่ปฏิบัติการอันควรปฏิบัติในลักษณะที่เห็นได้ว่าจะเป็นเหตุให้เสียหายอย่างร้ายแรงแก่ กทม.

ถอดรหัสคำสั่ง คสช.ฉบับนี้สะท้อนให้เห็น คือ หนึ่ง ต้องการ "ตัดตอน" ปล่อยให้เรื่องฉาวใน กทม.เป็นเรื่องของทีมบริหารชุดเก่าที่จะต้องรับผิดชอบตามผลการสอบสวนต่อไป สอง สะท้อนสภาพปัญหาในปัจจุบัน จนทำให้ คสช.ไม่อาจนิ่งนอนใจ

เมื่อก่อนหน้านี้ คสช.เคยออก คำสั่ง "พักงาน" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไปแล้วรอบหนึ่ง หลังจากเข้าไปมีส่วนพัวพันกับความไม่โปร่งใสในหลายโครงการ ของ กทม. พร้อมกับปล่อยให้ระบบ ทุกอย่างเดินต่อไปตามกลไกของข้าราชการ กทม. และรองผู้ว่าฯ กทม. ที่ยังทำหน้าที่ต่อไป

แต่ด้วยข้อจำกัดส่งผลให้การทำงานในช่วงนั้นไม่อาจเกิดประสิทธิภาพได้เต็มที่ ทั้งอำนาจหน้าที่ของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าฯ กทม. ความเป็นเอกภาพภายในฝ่ายบริหาร กทม. ตลอดจนข้าราชการ กทม.ที่ไม่รู้จะรับฟังคำสั่งหรือให้น้ำหนักไปทางไหน

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องแนวนโยบายทิศทางการทำงานที่จะต้องเห็นความชัดเจนจากผู้ที่มีอำนาจสูงสุด ดังนั้นเมื่อขาดความชัดเจน การทำงานส่วนใหญ่จึงทำได้แต่ตั้งรับกับปัญหาเฉพาะหน้าที่จะเกิดขึ้น

งานใหญ่ที่หลายคนเป็นห่วงช่วงนี้ คือ เรื่อง "น้ำท่วม" ซึ่งยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ยิ่งมีข้อจำกัดเรื่องผู้มีอำนาจสูงสุดเช่นนี้ ยิ่งเพิ่มอุปสรรคในการทำงานมากขึ้น ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

เช่นเดียวกับงานอื่นๆ ใน กทม. ที่จำเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบสูงสุดที่ชัดเจน เพื่อให้การขับเคลื่อนงานทุกอย่างเดินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ กทม.ถือเป็นหัวใจและศูนย์กลางการบริหารที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งต้องคอยประสานงานพระราชพิธีซึ่งเป็นงานใหญ่ของคนทั้งชาติ

หากปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้ ย่อมไม่เป็นผลดี เพราะ ด้านหนึ่งวาระการดำรงตำแหน่งของ ผู้ว่าฯ กทม.ชุดเก่าก็ใกล้จะหมดวาระ และไม่รู้ว่าจะสามารถเลือกตั้งรอบใหม่ได้อีกทีเมื่อไหร่ การแต่งตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ให้มาทำหน้าที่ย่อมเป็นทางเลือก ที่ดีกว่า

แถมหากดูชื่อชั้นของ พล.ต.อ.อัศวิน ก็เป็นที่ยอมรับได้ในหลายประเด็น เริ่มตั้งแต่เรื่องประสบการณ์การทำงานในฐานะรองผู้ว่าฯ กทม.ที่เรียนรู้งานใน กทม.มาแล้วเป็นอย่างดี ทำให้สามารถเริ่มงานได้อย่างไม่ขาดตอน ทำให้ทุกอย่างราบรื่นกว่าจะตั้งคนอื่นขึ้นมาทำงาน

ในแง่การบทบาทและสถานะส่วนตัว พล.ต.อ.อัศวิน ก็เป็นที่ยอมรับ ของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งประชาธิปัตย์ที่สนับสนุนให้ไปนั่งเป็นตำแหน่งรอง ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งแต่แรก รวมไปถึงยังสนิทสนมกับฝั่ง สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. แถมยังประสานงานได้กับฝั่งอื่นๆ ทั้งเพื่อไทย หรือเสื้อแดง

ที่สำคัญที่สุด คือ เป็นคนที่ คสช.ไว้วางใจ ดังนั้นการเข้ามาทำหน้าที่จึงเต็มไปด้วยความเหมาะสม เพราะหากดูผลงานที่ผ่านมา ก็ถือว่าตอบโจทย์ในสถานการณ์ปัจจุบัน

เริ่มตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ที่ได้รับฉายาว่า "อัศวินปิดจ๊อบ" เนื่องจากมีผลการทำงานที่ดุดัน รวดเร็ว ก่อนหน้านั้นผลสำรวจจากเอแบคโพล ระบุว่า เป็นนายตำรวจที่เป็นตำรวจมือปราบ ที่ประชาชนรู้สึกชื่นชอบและบรรเทาเหตุอาชญากรรมได้มากที่สุดคนหนึ่ง

อีกทั้งหนึ่งในภารกิจสำคัญเวลานี้ของ กทม. คือ การเฝ้าระวัง "ก่อการร้าย" ที่มีการแจ้งเตือนมาตั้งแต่เมื่อต้นเดือน และอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนติดตามหาเบาะแส ซึ่งปรากฏร่องรอยให้เห็นเป็นระยะ

อีกด้านงาน กทม. ที่ พล.ต.อ.อัศวิน รับผิดชอบสมัยเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. คือ การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยทั่ว กทม. การจัดพื้นที่ข้างทาง ตลอดจนพื้นที่ชุมชนป้อมมหากาฬ  ซึ่งแต่ละเรื่องที่ถือเป็นเรื่องสำคัญตามแนวทางของ คสช.

การวางตัว พล.ต.อ.อัศวิน มารับตำแหน่งสำคัญครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการเพื่อให้ทุกอย่างเดินไปสอดคล้องกับโรดแมปของ คสช. กับภารกิจข้างหน้าที่ไม่ต้องการให้เกิดการสะดุด

ส่วนจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปนานขนาดไหนก็อยู่ที่นายกฯ ซึ่งมีอำนาจจะเสนอให้ คสช.มีคำสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกต่อไป