posttoday

จัดสมดุลกองทัพ สมานรอยร้าว สกัดแรงกระเพื่อม

02 กันยายน 2559

หมดรอบของ “บูรพาพยัคฆ์” กับการผูกขาดเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มานานนับสิบปี

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

หมดรอบของ “บูรพาพยัคฆ์” กับการผูกขาดเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มานานนับสิบปี เมื่อ บิ๊กเจี๊ยบ-พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ.(ตท.16) มาแรงแซงทางโค้งเฉือนตัวเต็งอย่าง บิ๊กแกละ-พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. (ตท.17) แบบมีที่มาที่ไป นัยสำคัญของการตั้ง พล.อ.เฉลิมชัย มาคุมกองทัพบกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เป็นเพราะต้องการจัดดุลยภาพภายในกองทัพให้กลับมาเป็นปึกแผ่นดังเดิม หลังเริ่มปรากฏรอยร้าว ท่ามกลางเสียงบ่น เสียงน้อยใจ ที่นายทหารฝั่ง “บูรพาพยัคฆ์” สยายปีกคุมกองทัพต่อเนื่องยาวนาน

เรื่อยมาตั้งแต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ​พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร และล่าสุด พล.อ.ธีรชัย นาควานิช

ไม่แปลกที่ชื่อของ บิ๊กแกละ จะมาแรงในช่วงแรก ในฐานะ​ “บูรพาพยัคฆ์” น้องรักของ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ​ที่ว่ากันว่าถูกวางตัวเพื่อมารับตำแหน่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ

ทว่า สาเหตุสำหรับการวางตัว พล.อ.เฉลิมชัย รอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มองว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทหารสายอื่น ไม่จำเป็นต้องผูกขาดเฉพาะสายบูรพาพยัคฆ์ เพราะจะทำให้ผู้ที่เติบโตมาตามลำดับชั้นเสียกำลังใจ

ในแง่ประวัติการทำงานนั้น พล.อ.เฉลิมชัย ก็ไม่ใช่ธรรมดา เติบโตมาในสายรบพิเศษ ตั้งแต่เสนาธิการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ​ ผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ​ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ก่อนขึ้นไลน์ห้าเสือที่ตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.

แถมยังคุ้นเคยกับ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยยังเป็น ผบ.ทบ.​ เป็นมือไม้ช่วยงานจนได้รับความไว้วางใจ แถมยังแนบแน่นกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. พี่ใหญ่หน่วยรบพิเศษ

ยังไม่รวมกับเรื่องอายุราชการที่เกษียณอายุปี 2561 สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อเนื่องสองปีครอบคลุมไปถึงการเลือกตั้งปี 2560  อันจะช่วยกรุยทางอำนวยความสะดวกและป้องกันความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองได้ระดับหนึ่ง

​​ทั้งฝีไม้ลายมือและสายสัมพันธ์ที่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้ ทำให้ทุกอย่างจึงมาลงตัวที่ พล.อ.เฉลิมชัย

หากเทียบกับ พล.อ.พิสิทธิ์ ซึ่งมาแรงตั้งแต่ช่วงหลังรัฐประหาร ได้รับความไว้วางใจให้มานั่งในตำแหน่งสำคัญอย่างผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป

ทว่าความเป็น “บูรพาพยัคฆ์” สุดท้ายก็กลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้ไม่สามารถก้าวไปถึงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ได้อย่างที่หลายคนมองไว้

ยิ่งในวันที่สถานการณ์ความขัดแย้งในกองทัพกำลังเริ่มคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกระเพื่อมเริ่มก่อตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังบูรพาพยัคฆ์ผูกขาดอำนาจในกองทัพมาร่วมทศวรรษ ​

หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมปะทุบานปลายกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงในช่วงเปลี่ยนผ่านของ คสช. และการก้าวลงจากอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์

การเปิดทางให้สายอื่นที่ไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์จึงเสมือนการคืนความชอบธรรม ประสานรอยร้าว ​และจัดสมดุลใหม่ให้เกิดขึ้นในกองทัพ โดยเฉพาะกับฝั่ง “วงศ์เทวัญ” ที่ถูกขัดแข้งขัดขามาหลายรอบ

ล่าสุดกับตำแหน่งสำคัญอย่างแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เสมือนเป็นบันไดรอปูทางขึ้นไลน์ห้าเสือ รอลุ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ.นั้น รอบนี้ บิ๊กแดง-พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์แม่ทัพน้อยภาคที่ 1 (ตท.20) จากฝั่งวงศ์เทวัญ ยังมาแรงพลิกกลับมาเบียด​ พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) ที่ต้องไปนั่งเก้าอี้แม่ทัพน้อยที่ 1 ทั้งที่ช่วงแรกมีชื่อว่าวางตัวไว้นั่งเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ด้วยแรงหนุนจาก พล.อ.ประวิตร​

จะเห็นว่าก่อนหน้านี้ พล.ท.อภิรัชต์ เองก็ได้รับความไว้วางใจถึงขั้นให้ไปนั่งเป็นประธานบอร์ดกองสลากแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาที่ทำผลงานได้ดี 

นับจากนี้จึงคล้ายกับการปูทางการกลับมาสู่อำนาจของวงศ์เทวัญในกองทัพ

ในขณะที่บรรดาบิ๊กบูรพาพยัคฆ์เองก็ต่างมั่นใจว่าสามารถพูดคุยเคลียร์กับทางกำลังพลฝั่งบูรพาพยัคฆ์ที่จะต้องพลาดเก้าอี้รอบนี้ได้ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ถือว่าก้าวหน้าไปพอสมควร อีกทั้งการปรับย้ายหลายรอบตั้งแต่หลังรัฐประหาร ​ได้มีการจัดวางมือไม้ที่ไว้ใจได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งคุมกำลังสำคัญหมดแล้ว

ดังนั้นเรื่องที่จะเกิด “อุบัติเหตุ” ในอนาคตจึงเป็นไปได้ยากเพราะทุกอย่างภายใต้การควบคุมดูแลของทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมด​

ที่สำคัญนี่เป็นจังหวะเหมาะสมที่สุดที่จะจัดสมดุลในกองทัพหากจะทำก่อนหน้านี้ก็เร็วไปหรือหากปล่อยช้ากว่านี้เป็นไปได้ยาก

ยิ่งในแง่จังหวะเวลานับจากนี้ที่สถานการณ์และบรรยากาศบ้านเมืองน่าจะเปราะบางมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะยิ่งในช่วงใกล้การเลือกตั้ง และการก้าวลงจากอำนาจของ คสช. ที่ไม่อาจปล่อยให้เกิดแรงกระเพื่อมที่จะบานปลายส่งผลเสียหายในภาพรวมรุนแรง