posttoday

พักงาน สุขุมพันธุ์ ได้ใจมวลชน แต่เสียพันธมิตร

29 สิงหาคม 2559

ฟ้าผ่ากลางศาลาว่าการกรุงเทพ มหานคร เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)​

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์ 

ฟ้าผ่ากลางศาลาว่าการกรุงเทพ มหานคร เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)​ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยยังไม่พ้นจากตําแหน่งจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งดําเนินการตรวจสอบหรือสอบข้อเท็จจริง​ยังคงดําเนินการต่อไป ในกรณีพบว่าไม่มีการกระทําความผิดหรือมีการกระทําความผิดหรือมีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้อื่นเกี่ยวข้องกับการกระทําความผิดนั้นด้วยให้หน่วยงานที่ตรวจสอบรายงานนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาหรือเปลี่ยนแปลงคําสั่งหรือมีคําสั่งเพิ่มเติมต่อไป

“แม้ผลการตรวจสอบหรือการสอบข้อเท็จจริงในขณะนี้ยังไม่อาจสรุปความผิดได้ แต่ถือว่าเป็นเรื่องสําคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน และมีการดําเนินการไปแล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งหัวหน้า คสช.เคยมีคําสั่งให้ใช้มาตรการชั่วคราวในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาในการชี้แจง พิสูจน์ความบริสุทธิ์อย่างโปร่งใสไม่เป็นที่ครหาและเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการและประชาชน ตลอดจนเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการแผ่นดิน”​

แน่นอนว่าการลงดาบฟันบิ๊ก กทม.รอบนี้ สร้างคะแนนนิยมให้กับ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ไม่น้อย เพราะถือเป็นคำสั่งที่ออกมาตรงใจคนกรุง ซึ่งเอือมระอากับการบริหารงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ โดยเฉพาะกับปัญหาน้ำท่วม ยังไม่รวมกับเงื่อนงำความไม่โปร่งใสในหลายโครงการของ กทม.ที่กำลังถูกสอบ

ยิ่งในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจคนกรุงหลายพื้นที่ต้องมาเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง 

ก่อนหน้านี้หลายคนเคยตั้งความหวังไว้กับสารพัดโครงการของผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ โดยเฉพาะกับผลงานชิ้นโบแดงอย่างอุโมงค์ยักษ์ ที่เชื่อว่าจะบรรเทาความเดือดร้อนได้ไม่น้อย แต่เอาเข้าจริงปัญหาน้ำท่วมก็มีให้เห็นแทบทุกครั้งหลังฝนตกหนัก

แถมสถานการณ์ส่อเค้ารุนแรงมากขึ้น เมื่อท่าทีของผู้ว่าฯ กทม. ดูจะไม่มีมาตรการเชิงรุกที่สะท้อนให้เห็นการตระเตรียมการหรือวางแผนรับมือกับพายุหรือฝนฟ้าคะนองรุนแรงที่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้

อีกทั้งการสื่อสารทำความเข้าใจของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หลายรอบก็ยิ่งทำให้ประชาชนที่ติดตามรับฟังต้องขุ่นข้องหมองใจหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไล่คนกรุงเทพฯ ที่อยากเผชิญหน้ากับน้ำท่วมให้ไป “อยู่ดอย” หรือคำชี้แจงว่าน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่ “น้ำรอการระบาย”

แต่ที่สำคัญที่สุดคือประเด็นการทุจริตคอร์รัปชั่นที่อยู่ระหว่างการสอบสวนในหลายโครงการ ล่าสุดกับโครงการไฟประดับกรุงเทพมหานคร 39.5 ล้านบาท ที่ถูกมองว่าเข้าข่ายล็อกสเปก จนกระทรวงมหาดไทยทำหนังสือถึงกรุงเทพฯ ให้ดำเนินคดีอาญาผู้ว่าฯ กทม. กับข้าราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

แม้แต่ทาง พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)​ ยังเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม.หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ออกมาชี้แจงว่าไม่มีความจำเป็นแม้ทาง สตง.ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีแล้วก็ควรปล่อยไปตามกระบวนการ ซึ่ง ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้มูลความผิด จึงขออยู่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลคนกรุงเทพฯ ต่อไป จนกว่าจะชี้มูลความผิด

ไม่เพียงแค่โครงการนี้ที่มีปัญหาแต่จากการออกมาเปิดเผยของมือสอบจากประชาธิปัตย์อย่าง วิลาศ จันทรพิทักษ์ ก็สะท้อนให้เห็นเงื่อนงำความไม่โปร่งใสหลายโครงการทั้งการปรับห้องทำงาน 16.5 ล้านบาท ที่ถูกถล่มหนักว่าแพงเกินจริง

​โครงการการ “จัดซื้อเครื่องดนตรี” โรงเรียนในสังกัด กทม.ที่ถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า ต่อด้วยโครงการจัดหารถกู้ภัยขนาดเล็กของกรุงเทพฯ จำนวน 20 คัน ในวงเงินงบประมาณ 160 ล้านบาท ที่ดูจะแพงเกินไป และสภาพการใช้งานที่อาจไม่ตอบโจทย์ ยังไม่รวมกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างกล้องซีซีทีวีในช่วงแรกๆ 4.7 หมื่นตัว ที่เคยเป็นปัญหาหนัก

แต่ก็ใช่ว่า ​พล.อ.ประยุทธ์ จะได้แต้มไปเสียทั้งหมดกับการลงดาบผู้ว่าฯ กทม. ที่ถูกมองว่าเหมือนจะอยู่ฝั่งเดียวกันจนไม่กล้าจะแตะต้อง เพราะอีกด้านก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียแนวร่วมไปบางส่วน

เมื่อสายสัมพันธ์ของคุณชายหมูก็ชัดเจนว่าแนบแน่นกับสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. จนถึงขั้นเลือกเป็นตัวของตัวเองมากกว่าจะคอยฟังเสียงสะท้อนจากประชาธิปัตย์ต้นสังกัด ก่อนที่ทุกอย่างจะมาขาดสะบั้นต่างคนต่างเดินเป็นเอกเทศ

ชัดเจนในช่วงการเคลื่อนไหวของ กปปส.​ที่ได้แรงสนับสนุนจากผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ ในหลายเรื่อง ​ที่ตอกย้ำความแนบแน่นของคุณชายหมูและสุเทพ

การตัดสินใจสั่งพักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ย่อมต้องแลกด้วยพันธมิตรที่จะหายไปบางส่วน แต่นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ประเมินแล้วว่าเป็นการกระทำที่ได้ผลคุ้มค่ากว่าในภาพรวม