posttoday

ประวิตร ชน พะจุณณ์ สัญญาณร้าวเขย่า คสช.

01 มีนาคม 2559

สัญญาณร้าวตั้งเค้าบานปลาย เมื่อ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดหน้าชน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ตอบโต้กรณีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

สัญญาณร้าวตั้งเค้าบานปลาย เมื่อ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดหน้าชน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ตอบโต้กรณีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ซึ่งถือเป็นการเติมเชื้อให้ “ศึกใน” กลับมาระอุยิ่งขึ้น แถมสุ่มเสี่ยงสั่นคลอนเสถียรภาพคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รุนแรง

​ปมปัญหามาจากการทิ้งระเบิดลูกโตผ่านข้อความในโซเชียลมีเดียว่า มีการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พาดพิงนายทหารยศพลเอกคนหนึ่ง จนทำเอาคนที่เกี่ยวข้องเต้นกันทั้งแผง เพราะในยุคเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ ควรจะต้องแก้ปัญหาในอดีตและสร้างบรรทัดฐาน​ที่ดีให้เป็นตัวอย่างต่อไป ​

ทำให้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะคีย์แมนใน คสช.ปัจจุบันมีหมวกหลายใบ ทั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รมว.กลาโหม และยังเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แถมยังมีน้องชาย คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ​ต้องออกมา “ตัดตอน” ปฏิเสธข้อครหาเพื่อไม่ให้ทุกอย่างบานปลายไปกว่านี้

“ถ้าผมยังอยู่ ไม่มีซื้อขายตำแหน่ง แต่อาจมีพวกตกเบ็ด ว่าฝากคนนั้นคนนี้ได้ คนที่เชื่อก็ซวยไป”​ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังปฏิรูปทุกด้านตามนโยบายนายกฯ หลายอย่างดีขึ้น เรื่องการทำคดี ซึ่ง ผบ.ตร.ก็กำลังทำอยู่ ตำรวจทุกคนก็ทำงานอย่างหนัก การปราบปรามมิจฉาชีพ การทำคดี

พร้อมส่งสัญญาณไล่บี้ถึง ผบ.ตร.ต้องแจ้งเอาผิด เพราะเป็นการกล่าวหาว่ามีการซื้อตำแหน่งตำรวจ ถือเป็นการทำลายองค์กรตำรวจทำให้เกิดความเสียหาย

ล่าสุด พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หน่วยงานรับผิดชอบเกี่ยวกับการกระทำผิดหมิ่นประมาททางคอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า ได้ออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 มี.ค.

ขั้นตอนต่างๆ ต่อจากนี้ ต้องรอให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาพบก่อน ถ้าถึงวันนั้นไม่มาจะสอบถาม หากมีเหตุผลเพียงพอจะนัดใหม่อีกครั้ง แต่หากออกหมายเรียกไป 2 ครั้งแล้วยังไม่มา จะขอออกหมายจับต่อไป

ทางฝั่ง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า ถ้ามีหมายเรียก ก็พร้อมไปพบเจ้าหน้าที่ โดยจะไปให้การในวันที่ 10 มี.ค.นี้ และพร้อมไปขึ้นศาล ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ขอยืนยันว่าไม่ใช่ต้นตอ เป็นการส่งต่อๆ กันมาในแอพพลิเคชั่นไลน์

ก่อนทิ้งปมเรื่องการซื้อขายตำแหน่งว่า ไม่ทราบและไม่รู้ว่าพูดถึงใคร ที่สำคัญเมื่อถามถึงความขัดแย้งไม่ลงรอยกันในกองทัพและรัฐบาลนั้น พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ให้ไปถามประชาชน ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะกลัวจะเสียงานใหญ่

ยิ่งตอกย้ำสภาพรอยร้าวภายในที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะลึกๆ แล้ว การเปิดหน้าชนของ พล.ร.อ.พะจุณณ์ รอบนี้ต้องเรียกว่าไม่ธรรมดา ​ด้วยสถานะคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แถมยังเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 12 (ตท​.12) ร่วมรุ่นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เคยรับตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

​ปมร้าวจากกรณีเปิดปมการซื้อขายตำแหน่งใน สตช. จึงอาจส่งผลรุนแรงสั่นคลอนเสถียรภาพ คสช.

ที่สำคัญเรื่องนี้ บิ๊กป้อม พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ออกมาเปิดหน้าชนด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้สถานการณ์ตั้งเค้าจะบานปลายรุนแรง ซึ่งจะไปตอกย้ำสภาพปัญหา “ศึกใน” ที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ดังนั้นการเติมเชื้อความขัดแย้งเข้าไปใหม่ยิ่งจะทำให้เสถียรภาพสั่นคลอนหนักขึ้น

​ชวนให้นึกถึงกระแสข่าวความไม่พอใจท่าทีของบิ๊กป้อมก่อนหน้านี้ ที่เคยถูกกังขาว่าอยู่ในช่วงสั่งสมบารมี เดินตามรอยเท้าป๋า จนสร้างแรงกระเพื่อมในกองทัพอยู่ไม่น้อย

สอดรับกับกระแสข่าวเรื่อง “ซูเปอร์ดีล” ระหว่าง คสช.กับขั้วอำนาจเก่า เพื่อเตรียมหาทางสลายความบาดหมาง ขัดแย้ง เพื่อเปิดประตูเดินหน้าสู่การปรองดอง แต่อีกด้านหนึ่งกลับถูกมองว่าเป็นการฮั้วของสองขั้วอำนาจ

ดังจะเห็นว่าอีกฟากหนึ่ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เริ่มจุดประเด็นการเจรจา ที่แม้คนใน คสช.จะรีบออกมาปฏิเสธข้อเสนอ ป้องกันข้อครหาเรื่องการต่อรอง แต่ก็ยังไม่อาจปักใจเชื่อ มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาดักคอล่วงหน้า ทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง พันธมิตรฯ กปปส. ที่เห็นว่าควรใช้โอกาสเดินหน้าคดีความต่างๆ ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วในช่วงเวลาที่เหลืออยู่

เพราะหากใช้ช่องทางพิเศษเดินหน้าล้างผิดด้วยกระบวนการต่างๆ นอกจากจะไม่อาจสร้างความปรองดองได้แล้ว ยังอาจสร้างความขัดแย้งที่รุนแรงและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นแทน

ความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประวิตร และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำความขัดแย้งในกองทัพที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง แถมรอบนี้ดูทิศทางลมแล้วน่าจะรุนแรงถึงขั้นเขย่าเสถียรภาพของ คสช.ได้มากกว่าทุกครั้งในอดีต