posttoday

ลอยแพ สุขุมพันธุ์ ต่างฝ่ายต่างเสีย

22 มกราคม 2559

สัมพันธ์ขาดสะบั้นทันทีหลัง ประชาธิปัตย์ ประกาศลอยแพ คุณชายหมู-ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แบบไม่มีทางเลือก ทั้งที่รู้ว่าจบแบบนี้ไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

สัมพันธ์ขาดสะบั้นทันทีหลัง ประชาธิปัตย์ ประกาศลอยแพ คุณชายหมู-ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แบบไม่มีทางเลือก ทั้งที่รู้ว่าจบแบบนี้ไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญการตัดสินใจครั้งนี้ยังสุ่มเสี่ยงกับคะแนนนิยมในพื้นที่ กทม. ซึ่งถือเป็นอีกฐานเสียงสำคัญของประชาธิปัตย์

เหตุผลชัดเจนผ่านถ้อยแถลงของประชาธิปัตย์ที่ว่า การพบปะพูดคุยระหว่างพรรคกับผู้ว่าฯ กทม. เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งที่พรรคพยายามอย่างถึงที่สุด แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าฯ กทม.

“พรรคจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบต่อทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบความไว้วางใจสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จึงขอแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าการบริหารของ กทม. จากนี้ถือเป็นการดำเนินการโดยเอกเทศ เนื่องจากพรรคไม่สามารถใช้ระบบและกลไกของพรรคในการช่วยสนับสนุนติดตามตรวจสอบการบริหารของ กทม.ได้”

ต้องยอมรับว่ารอยร้าวภายในระหว่างประชาธิปัตย์และ กทม. มีมาอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นเกิดกระแสจากภายในพรรคคัดค้านไม่ต้องการให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงสนามเลือกตั้งรักษาเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. สมัยที่ 2 เพราะท่าที “ห่างเหิน” ไม่รับฟังเสียงสะท้อนจาก สส.ในพรรค จนกระทบกับงานพรรค งานพื้นที่ จนคะแนนหล่นวูบ

แต่สุดท้ายหลังได้แรงดันจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ สามารถฝ่ากระแสต้านกลับมาลงสมัครได้อีกรอบ ก่อนจะเบียดกลับมาชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ คู่แข่งจากเพื่อไทยในช่วงโค้งสุดท้ายไปแบบหืดขึ้นคอ

ปัญหาหลังจากนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังการบริหารงาน ก่อนจะมาเจอระเบิดลูกใหญ่กับเรื่อง “น้ำท่วม” ที่คุณชายหมูแก้ไม่ตก แถมยังหลุดปากไล่คนกรุงไปอยู่ดอย

ครั้งนั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกโรงขอโทษแทนผู้ว่าฯ กทม. เพราะรู้ว่านี่เป็นแผลที่สาหัสหนักจนจะกระทบถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

ปัญหาหนักขึ้นเมื่อ 2 ว. วิลาศ จันทร์พิทักษ์ และ วัชระ เพชรทอง ผนึกกำลังขุดคุ้ยเงื่อนงำความไม่โปร่งใสใน กทม.แบบต่อเนื่อง ตั้งแต่การจัดซื้อรถดูดไขมัน การเดินทางไปต่างประเทศของบรรดาบิ๊ก กทม. การจัดซื้อเปียโนให้โรงเรียนในสังกัด กทม.

การเกาะติดเรื่องทุจริตใน กทม. แบบกัดไม่ปล่อยนี้ ด้านหนึ่งเพราะไม่ต้องการให้ประชาธิปัตย์ต้องถูกคู่แข่งถล่มในช่วงเลือกตั้งรอบหน้า จึงต้องแสดงให้เห็นว่าเอาจริงเอาจังแก้ปัญหาและหาทางป้องกัน

แต่อีกด้านหนึ่ง นี่ยิ่งบีบให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ห่างเหินกับพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น แม้แต่ อภิสิทธิ์ ที่พยายามจะประสานเพื่อพบปะเคลียร์ปัญหายังถูกเลื่อน ถูกยกเลิก จนไม่สามารถเข้าถึงได้

ถึงขั้นต้องงัดมาตรการ “ขู่” ด้วยการทำหนังสือไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อปลดล็อกคำสั่ง ให้พรรคการเมืองกลับมาประชุม เพื่อจะขับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ออกจากสมาชิก หรือตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค

ทว่าหลัง คสช. ไม่ตอบรับคำขอ ประชาธิปัตย์จึงต้องงัดมาตรการ “ลอยแพ” ที่แน่นอนว่าแทบไม่มีผลในทางปฏิบัติ เพราะ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุก็ยังมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค ยากที่จะปฏิเสธความเกี่ยวข้อง

การ “ตัดตอน” ความผิดทั้งหมดให้เป็นเรื่องของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพื่อรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ผลลัพธ์ที่ได้คงไม่ออกมาอย่างที่คาดหวัง อย่างมากก็ทำได้เพียงแค่ผ่อนหนักให้เป็นเบา และแสดงให้เห็นว่าไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาใน กทม.

สุดท้ายก็จะมาซ้ำเติมสภาพปัจจุบันที่ล่าสุด “กรุงเทพโพลล์” ระบุว่า “คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทยในยุคห้ามทำกิจกรรมพรรคฯ” ประชาธิปัตย์ อยู่ที่ 19.5% ตามหลังเพื่อไทยที่อยู่ที่ 20.3% อีกทั้งหากเปรียบเทียบกับเดือน ก.ย. 2558 คะแนนของประชาธิปัตย์ลดลงไปเกือบ 10%

ยิ่งสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นลงไปจากการตัดสินใจครั้งนี้ ย่อมส่งผลให้ประชาธิปัตย์อ่อนแรงตามไปด้วย เมื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถูกผลักให้ไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามประชาธิปัตย์ บรรดาทีมงานที่เคยเป็นกลุ่มเดียวกันก็อาจแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง และทำให้ฐานเสียงอ่อนแอลง เปิดโอกาสคู่แข่งในพื้นที่สามารถเจาะฐานเสียงได้ง่ายขึ้น

อย่าลืมว่าฐานทีมงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่ทำงานอยู่ใน กทม.นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากประชาธิปัตย์ อาทิ ผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯ กทม. และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. หากจะต้องเลือกอยู่ฝั่งนั้นฝั่งนี้อาจจะเป็นการตัดกำลังพวกเดียวกันเอง 

ยังไม่รวมกับกระแสข่าวความพยายามก่อนหน้านี้ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เตรียมจับมือกำนันสุเทพ ตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่สุดท้าย สุเทพออกมายืนยันว่าไม่หวนคืนสนามการเมืองและไม่คิดตั้งพรรคใหม่

ซ้ำเติมแผลเก่าเรื่องปัญหาเกาเหลากับทีมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) การมาเจอแผลใหม่รอบนี้ที่จะกระทบกับฐานเสียง กทม.อีก ย่อมไม่เป็นผลดีกับประชาธิปัตย์ แต่ทั้งหมดนี้ปรากฏการณ์ “หยิกเล็บเจ็บเนื้อ” ที่ผลลัพธ์สุดท้ายไม่เป็นผลดีกับทั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์และประชาธิปัตย์