posttoday

เร่งจบราชภักดิ์ ตัดไฟลามคสช.

11 ธันวาคม 2558

ปมร้อนทางการเมืองโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ จากประเด็นความไม่ชอบมาพากลเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ปมร้อนทางการเมืองโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ จากประเด็นความไม่ชอบมาพากลเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการรวบเครือข่าย สุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง จนนำมาสู่การจับกุม พ.อ.คชาชาต บุญดี และ พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ ที่ถูกดำเนินคดีฐานแอบอ้างเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จนกลายเป็นชนวนรุกไล่และเขย่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องสั่นคลอน

เพราะ “2 นายทหาร” ยศใหญ่ เป็นมือซ้ายมือขวาที่ทำงานใกล้ชิด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานจัดสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่ถูกพาดพิงปมเคลือบแคลงสงสัยเรื่องเงินบริจาค หรือเงินเรี่ยไร ที่ถือเป็นงบประมาณแผ่นดิน ถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องเป็นจริงตามที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคหรือไม่ รวมถึงปมเงื่อนงำหักค่าหัวคิวโรงหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์

จนในที่สุดปมร้อนการเมืองดังกล่าวเริ่มก่อกระแสกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อสยบกระแสความขัดแย้งภายในบูรพาพยัคฆ์ที่เชียร์ให้ พล.อ.อุดมเดช ต้องลาออกเพื่อรักษาภาพลักษณ์รัฐบาลและกองทัพ งานนี้ต้องกล้ายอมเฉือนอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกองทัพ หรือเปิดทางให้องค์กรภายนอกเข้าไปตรวจสอบปมทุจริต แต่ยังไร้ความคืบหน้า และยังคงเป็นปริศนาต่อไปว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้ใครจะรับผิดชอบ ยิ่งนับวันประเด็นอุทยานราชภักดิ์ถูกกระชากลากถู จนกลายเป็นชนวนขัดแย้งและท้าทายในการนำมวลชนออกมาเผชิญหน้า

เพราะฝ่ายหนึ่งเห็นว่ากลุ่มหนึ่ง เช่น กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งถูกปิดกั้น ปรากฏการณ์นี้ไม่ต่างจากก่อนมีการปฏิวัติรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ไม่มีผิด

อุณหภูมิการเมืองการเผชิญหน้าเริ่มเดินทางมาถึงจุดเดือด เมื่อแกนนำเสื้อแดง จตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นัดเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ โดยอ้างว่าต้องการไปทัศนาจรเพื่อตรวจสอบการทุจริต ก่อนถูกทหารรวบตัว ณ จุดรวมพลที่บริเวณตลาดมหาชัย ก่อนจะถูกปล่อยตัวในค่ำวันเดียวกัน

เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เมื่อนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยศึกษาและเครือข่ายถูกรวบตัวกลางทางขณะรถไฟเคลื่อนถึงสถานีรถไฟบ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังจากขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟธนบุรี บางกอกน้อย จัดกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” โดยรัฐบาลให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ เนื่องจากมีมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งดักรอปะทะกับนักศึกษาที่ จ.ราชบุรี

ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมในการรวบตัวจ่านิว หรือสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำนักศึกษา อาจมองได้ว่ายิ่งทำให้รัฐบาลเสียรังวัดทางการเมือง เพราะเหมือนยิ่งขยายแผลทุจริตอุทยานราชภักดิ์ให้ดังกระฉ่อนโลกเข้าไป เพราะภาพการควบคุมตัวนักศึกษาที่เผยแพร่ออกไป นิตยสารไทม์หยิบขึ้นมาเขียนวิจารณ์รุนแรงทันทีว่าไทยสองมาตรฐานในเรื่องสิทธิเสรีภาพ โดยโยงกับเหตุการณ์ที่รัฐบาลปล่อยให้มีประชาชนไปชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาถึง 200 คน แม้แต่ มาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ยังทวิตเตอร์เหน็บรัฐบาลเจ็บๆ ว่า คิดว่าผ่อนคลายมาตรการจำกัดเสรีภาพทางการชุมนุมเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม ปมความขัดแย้งเรื่องอุทยานราชภักดิ์ยิ่งขยายตัวบานปลายเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นักศึกษาหยุดจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองภายนอกมหาวิทยาลัย หรือจัดกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง กระทบต่อความปลอดภัยของนักศึกษาโดยเด็ดขาด แต่ดูเหมือนไร้ความหมาย เพราะนักศึกษากลุ่มนี้ยังประกาศเดินหน้าจัดกิจกรรมต่อไป แน่นอนย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าทั้งระหว่างมวลชนและเจ้าหน้าที่รัฐ 

ปมเหตุสำคัญทั้งหมดของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จนกลายเป็นวังวนการเมืองย้อนกลับไปก่อนปฏิวัติรัฐประหาร เพราะรัฐบาลและกองทัพปิดกั้นเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกเรื่องอุทยานราชภักดิ์มากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าโครงการนี้มีพิรุธจริงๆ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลคงไม่สกัดกั้นกันขนาดนี้ หรือเกิดคำถามว่าสิ่งที่ทำเพื่อปกป้องความผิดของคนในรัฐบาล ด้วยการใช้อำนาจให้ท้ายพรรคพวกเดียวกัน แต่กลับสกัดกั้นอีกฝ่าย

ณ เวลานี้ ปมฉาวอุทยานราชภักดิ์กำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพรัฐบาล ทำลายความปรองดองสมานฉันท์ และสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนที่วันนี้เริ่มต้นขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว ดังนั้นทางเดียวที่จะหยุดยั้งชนวนขัดแย้งลงได้ รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส ไม่เช่นนั้นการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยตามโรดแมปต้องพังลงเพราะปมทุจริตอุทยานราชภักดิ์แท้ๆ