posttoday

นโยบาย”เหนือ”นโยบาย

12 กันยายน 2557

“อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ไม่ใช่ประชานิยม ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย และเวลาตามโรงเรียนและสถานที่ราชการ ให้ติดบัญญัติ 12 ประการ โดยไม่ต้องมีรูปผม และห้ามติดรูปผมตามถนน “

โดย... เลอลักษณ์ จันทร์เทพ 

กว่าสองชั่วโมงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)  พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้โอกาสนี้เพิ่มเติมเนื้อหาไว้ในนโยบาย 11 ด้าน   ถึงกับยอมรับกับตัวเองว่า “ นโยบายมีทั้งหมด 25 หน้าแต่ของผมทำไมถึงมี 97 หน้า สงสัยจะพูดเติมเข้าไปมากหน่อย”

นโยบายฉบับ ทำก่อน ทำจริง ทำทันที คลุกเคล้าไปด้วย มุมมองความคิดเห็นส่วนตัวของผู้นำ แม้กระทั่งบางช่วงจังหวะ ได้แสดงความห่วงใยผสมเสียงบ่น ตามด้วยข้อสั่งการ หรือแม้แต่ชำเลืองมองหารัฐมนตรีด้วยการถามกันกลางที่ประชุม" เรื่องนี้ทำอย่างไร อะไร ยังไง"

ใครได้ยินได้ฟัง ก็ดูจะอดอมยิ้มไม่ได้  ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันคืออะไร  หรือว่า นี่คือ “ นโยบายเหนือนโยบาย” 

 เช่น เมื่อแถลงถึงนโยบายการปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขึ้นมาว่าจะใช้มาตรการทุกอย่างมาจัดการกับพวกคะนองปาก ประสงค์ร้ายต่อสถาบัน

“เราจะใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและความผูกพันภักดีของคนจำนวนมาก”

นโยบายด้านการศึกษา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เสริมความเห็นว่า  ต้องการให้เด็กและเยาวชนได้เข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะปัจจุบันลองให้มาเขียนอธิบายประวัติศาสตร์ชาติไทยครึ่งหน้าก็เขียนไม่ได้ ไปต่างประเทศเขาถามก็ตอบไม่ได้  กระทรวงศึกษาต้องไปย่อประวัติศาสตร์ชาติไทยมา”

นอกจากนี้  ต้องสนับสนุนพลทหารให้มีการเรียน กศน. เพราะบางคนเข้ามาไม่มีความรู้ เมื่อจบออกไปจะได้ช่วยพ่อแม่ได้ ดังนั้นอยากให้กระทรวงศึกษาไปดูว่าจะทำอย่างไร เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

“สิ่งสำคัญคือการอ่านหนังสือ เพื่อเป็นการเพิ่มความรู้ เพิ่มวิสัยทัศน์ จัดระเบียบตัวเอง ทีวีก็ไม่ดู ดูแต่ละคร แล้วจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ วันหน้าก็อยากเป็นนางเอก อยากเป็นคุณชาย แล้วก็รักกัน ร่ำรวย ก็ได้แค่นี้ ”

เรื่องของการดูละครน้ำเน่า ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์จะให้ความสนใจเป็นพิเศษเพราะทำให้เด็กนักเรียนไม่ได้สาระอะไรจากความบันเทิงดังกล่าว  ครั้นแถลงผสมการวิจารณ์ละครไทย  พล.อ.ประยุทธ์ จึงแถลงโยงไปถึงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว

“วันนี้เรากำลังจะสร้างหนังอยู่ โดยให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ สร้างหนังแบบ Lost in Bangkok พาคนมาเที่ยวประเทศไทย รักกัน ชอบกัน ในระหว่างการท่องเที่ยว ตอนนี้ได้พระเอก นางเอกแล้ว เหลือพ่อพระเอก ลุง ขอให้ไปสมัครไปกระทรวงพัฒนาฯ”

ช่วงหนึ่ง นายกฯกล่าวถึง การกำจัดขยะ จะต้องไม่มีผักตบชวาอีกต่อไป  พร้อมกับแนะนำด้วยว่า ควรนำผักตบชวาไปทำอาหารปลาป่น เพราะมีคนทำแล้วได้ผล ขณะเดียวกัน มีการทำวัชพืชไปดัดแปลงทำเป็นสินค้าโอท็อป แต่ว่า สินค้าโอท็อปเราไม่รู้เป็นอย่างไร ไม่ได้มาตรฐานเหมือนญี่ปุ่น  อย่างกระเป๋า ซิบก็ขาด  จะทำอย่างไรให้มีคุณภาพ สร้างแบรนด์ให้ได้ ไปคิดดู" 

ครั้นมาที่นโยบายด้านเศรษฐกิจ   พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำนโยบายเศรษฐกิจเกี่ยวกับการเก็บภาษีสร้างรายได้ชดใช้หนี้ภาครัฐที่สูงถึง 700,000 ล้านบาท โดยต้อง ปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีให้จัดเก็บได้ครบถ้วน โดยปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้คงอัตราภาษีเงินได้ในระดับปัจจุบัน ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่ปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้คงอัตราด้านการค้าและขยายฐานการจัดเก็บภาษีประเภทใหม่

ทั้งนี้จะเก็บจากทรัพย์สิน เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และระยะยาวต้องวางรากฐานเพื่อความเจริญเติบโตต่อเนื่อง การบริหารหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมามีจำนวนเงินสูงมากกว่า 7 แสนล้านบาท เป็นภาระงบประมาณใน 5 ปีข้างหน้า จะทำให้เหลืองบประมาณเพื่อการลงทุนพัฒนาประเทศน้อยลง โดยประมวลหนี้เหล่านี้ให้ครบถ้วนหาแหล่งเงินระยะยาวมาสะสางหนี้ทั้งหมด และยืดระยะเวลาชำระคืนให้นานที่สุดเพื่อลดภาระงบประมาณในอนาคต”

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ แถลงมาถึงนโยบายการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ กลับกล่าวไปถึงเรื่องไมค์ประจำห้องประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้

“ขณะนี้มีปัญหาเรื่องราคาไมโครโฟนราคาแพง ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วและให้ไปหามา อะไรที่ไม่ใช่เรื่อง ก็อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

ส่วนนโยบายด้านความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์ แจงเรื่องของการบริหารจัดการชายแดน ว่า”  เราต้องสร้างความไว้วางกับประเทศเพื่อนบ้าน ว่าเราจะรบกันอีกหรือเปล่า จะรบกันไปทำไม เดี๋ยวนี้โลกไร้พรมแดนแล้ว เราต้องทำให้เป็นพรมแดนที่ร่วมมือกัน เป็นพรมแดนแห่งสันติสุข อยากให้เดินไปอย่างนั้น เราต้องสร้างตัวเองให้เข้มแข็ง มีศักยภาพเพื่อใช้ในการต่อรอง แต่ไม่ใช่มีไว้รบกัน แต่มีไว้เพื่อสร้างความทัดเทียมกัน”

“เราต้องเสริมสร้างศักยภาพร่วมกันทางทหารอาเซียน ถ้าเราไปร่วมรบกับเขาหรือไปรักษาสันติภาพแล้วไปกระจอกงอกง่อย เราก็จะเสียศักดิ์ศรีประเทศเรา เราต้องปรับปรุงเรื่องนี้ให้เข้มแข็งและแข็งแรง ถ้าเราไม่มีกองหนุนที่แข็งแรง ไม่มีกองรบม้าช้างที่ทันสมัย มีเทคโนโลยีที่สมัยใหม่ ก็จะไม่มีใครเกรงใจ ต่อให้มีเศรษฐกิจดีแค่ไหน มีทรัพยากรดีแค่ไหน ถ้าไม่มีกองกำลังที่เข้มแข็งก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเรามุ่งหวังจะเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอาเซียนต่อไป ก็ต้องเตรียมกำลังฝ่ายความมั่นคงนี่แหละเป็นตู้เซฟให้ท่าน วันหน้าจะได้ไม่ทะเลาะกัน”

นอกจากนี้เรื่องของระบบสวัสดิการ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำว่า จะต้องเสริมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำอย่างไรให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย ต้องดูแลทั้งระบบ ต้องสงเคราะห์ผู้ยากไร้ตามอัตภาพ ไม่อยากเห็นภาพคนยากจน คนตาบอด คนไม่มีข้าวจะกิน ออกทีวีช่องโน้นช่องนี้เป็นเครื่องมือหากินอีก กรมประชาสงเคราะห์อยู่ที่ไหน กระทรวงที่ดูแลเรื่องนี้ไปอยู่ที่ไหน ต่อไปนี้ถ้าไปเห็นที่ไหนเขตไหนนะ เป็นเรื่อง ต่างประเทศมาถามว่าประเทศยูยังขี่ช้างอยู่รึเปล่า ปล่อยแบบนี้ไม่ได้

เรื่องของสาธารณสุข เราจะเน้นป้องกันโรคทำยังไงไม่ให้ป่วย ไม่ใช่ไปสร้างแต่โรงพยาบาล อีกหน่อยก็เต็มไปหมด ทำอะไรไม่ได้ เราต้องสร้างหมอให้มาก แล้วก็คิดว่าจะทำยังไงให้หมอชนบท หมอในเมือง ไม่ทะเลาะกันอีก เดี๋ยวหมอในเมืองอีกอย่าง หมอชนบทอีกอย่างไม่ได้ อีกเรื่องคือระบบหลักประกันสุขภาพต้องให้ทั่วถึงคนรวยต้องเสียสละบ้างจะทำยังไง ท่านต้องอาสากันเอง ผมไปบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว

อีกเรื่องก็สำคัญ คือการปฏิรูปการศึกษา ที่ต้องปรับปรุงคือระบบการกู้ยืมให้มีประสิทธิภาพ ให้คนยากจนได้ไป ไม่ใช่คนใกล้ได้ไปคนรวยก็เอาอีกแบบนี้ไม่เอา ต่อไปจะลงโทษถึงพ่อโน้น ถ้าพ่อรวยมีรายได้เกินแล้วมาขอกู้ ผมว่าพ่อแหละผิด

ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมการเรียนสายอาชีพ พวกอาชีวะศึกษา สนับสนุนให้เป็นช่างเชื่อม ช่างอ็อก ช่างอุตสาหกรรม ไม่ใช่ไปชักอีดาบตีกันอยู่ทุกวัน จะเชื่อมโยงยังไงให้เขาไปเข้าโรงงาน มีบริษัทมาจองตัวตั้งแต่ปี 3 ปี4 ให้คนเหล่านี้ทำอย่างไรให้มีเกียรติยศศักดิ์ศรี เป็นสุภาพบุรุษช่างกล ไม่ใช่ไปตีกันทุกวันแบบนี้ไม่ได้ ถ้าตีกันอีกโรงเรียนต้องทำยังไงไปหามาตรการมา ไม่อย่างนั้นไม่เข็ดกันหรอก วันนี้คสช.ยังอยู่เลยยังตียังเอาอีดาบไปไล่ฟันกัน ไล่ยิงกัน แหม!มันได้ยังไง แสดงว่าไม่กลัวเกรงอะไรกันทั้งสิ้น แบบนี้มันไม่ได้ หลายอย่างได้ประกาศกันไปแล้ว ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน

พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายโครงสร้างการศึกษาอีกว่า เรื่องสำคัญไม่แพ้กันคือ คุณภาพครูปัญหาสำคัญ เราต้องแก้ด้วยวิธีการใช้ระบบไอทีเข้าไปเพิ่ม เรียนผ่านระบบดาวเทียม

“กระทรวงศึกษาฯเก่งอยู่แล้ว ครูทุกคนเก่งอยู่แล้ว แม่ผมก็เป็นครู บอกหลายครั้งแล้ว เห็นครูเมื่อวันก่อนลำบากกว่าวันนี้อีก แต่วันนี้ก็ลำบากเป็นหนี้สินเหมือนเดิม จะดูแลเขายังไงให้มีศักดิ์ศรี ทำยังไงให้ครูมีคุณภาพมีจิตวิทยาความเป็นครู ผมเห็นในเว็บไซต์เขียนว่าทำไมต้องไปเคารพนบนอบครู เพราะครูก็ลูกจ้างเหมือนกัน ไม่ต้องไปให้เกียรติหรอก เพราะครูก็รับเงินเดือนจากเราเหมือนกันคือเงินเดือนรัฐ แบบนี้ไม่ได้ อันตรายนะครับ เห็นเด็กหลายคนออกมาพูดโน้นนี่ ไม่มีกรอบแนวความคิดที่ดีงาม อ้างอยู่อย่างเดียว สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย อ้างอยู่แค่นั้นแหละ ทุกอย่างเมินหมด นี่คือชาติล้มเหลวนะครับ ให้ความสำคัญด้วย  อยู่ที่กระทรวงศึกษาและอีกหลายกระทรวง ต้องสร้างความผูกพันครูกับลูกศิษย์ให้ได้ เคารพ ให้เกียรติ

“ไม่ใช่ให้เกียรติแต่กูกูอย่างเดียว กูเกิลนะ เพราะถามอะไรกูเกิลตอบได้หมด ครูตอบไม่ได้ เด็กเลยบอกว่ากูกูเก่งกว่า ไม่เห็นต้องไปถามครูเลย แบบนี้จะยังไง ผมก็ไม่รู้”

ด้านการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า จะจัดตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงของรัฐ นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เพื่อเร่งรัดดำเนินคดีทุกขั้นตอนให้รวดเร็ว เป็นธรรม และมีระบบฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน รวมทั้งปรับปรุงระบบช่วยเหลือทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้เข้าถึงความเป็นธรรมได้ง่าย ส่งเสริมกองทุนยุติธรรม เพื่อคุ้มครองช่วยเหลือคนจนและผู้ด้อยโอกาส

“นโยบายทั้งหมด พูดให้ดี เขียนให้หรู ไม่ได้ทำ ก็ไม่เกิดประโยชน์ แล้วจะเหนื่อยทำไม เพราะฉะนั้นทุกกระทรวงจะต้องยึดถือแล้วนำไปปฏิบัติ และทำริเริ่มเพิ่มเติมไปด้วย สิ่งไหนทำได้ ก็ทำทันที แล้วให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี อันไหนที่ยั่งยืนก็ทำต่อเพื่อรัฐบาลหน้า เพราะบางอย่างใช้เวลาเป็นชาติ “

นายกฯย้ำว่า นโยบายที่จะดำเนินการไม่มีนโยบายประชานิยม คำนึงความต้องการของประชาชนเป็นสำคัญ “อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ไม่ใช่ประชานิยม ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ตามโรงเรียนและสถานที่ราชการ ให้ติดบัญญัติ 12 ประการ โดยไม่ต้องมีรูปผม และห้ามติดรูปผมตามถนน “ นายกฯ กล่าว

ตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศ นโยบายของรัฐบาลคือ ทำก่อน ทำจริง ทำทันที เกิดผลสัมฤทธิ์ และยั่งยืน ส่วนหลักการของรัฐบาลคือ “จริงใจ จริงจังและยั่งยืน”

เป็นอันว่าการแถลงนโยบายของท่านผู้นำคนใหม่ เสร็จสิ้นลงด้วยดี พร้อมยกมือไหว้ ขอบคุณทุกคน ทุกฝ่ายที่นั่งฟังตลอด 2 ชั่วโมง ....