posttoday

"กุลิศ" มือขวา "สุภา" ดึงสรรพากร-สตง.ปิดบัญชีข้าว

02 พฤษภาคม 2557

ฮือฮากันทั้งวงการ เมื่อ ปลัดกระทรวงการคลัง แต่งตั้ง กุลิศเป็นประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว

ฮือฮากันทั้งวงการ เมื่อ รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง แต่งตั้ง กุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง มาเป็นประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว

เพราะต้องไม่ลืมว่า ประธานอนุกรรมการฯ คนแรก คือ สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ที่ปิดบัญชีครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ค. 2556 ด้วยผลขาดทุนจากการรับจำนำข้าวมากกว่า 2 แสนล้านบาทนั้น ในอดีตก็คือหัวหน้างานของกุลิศ ตั้งแต่วันที่กุลิศทำงานในกองรัฐวิสาหกิจ กรมบัญชีกลาง และทำงานคู่กันมาหลายปี

อย่างไรก็ตาม กุลิศ ยืนยันว่า การเข้ามาเป็นประธานอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการปิดบัญชีวันที่ 31 พ.ค. 2556 ที่สุภาได้ดำเนินไปเรียบร้อยแล้วและกำลังกลายเป็นคดี ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาอยู่ในขณะนี้

กุลิศ กล่าวว่า ส่วนที่เขาจะเกี่ยวข้องในการปิดบัญชีวันที่ 31 พ.ค. 2556 มีเพียงการตรวจสอบที่มาที่ไปของข้าวปริมาณ 2.98 ล้านตัน ที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) แจ้งมายังอนุกรรมการฯ ยุคสุภาเป็นอนุกรรมการ โดยแจ้งเป็นข้อมูลภายหลังว่ามีข้าวเพิ่มมาอีก 2.98 ล้านตัน จึงต้องเข้ามาดูว่าข้าวที่เพิ่มขึ้นมามีที่มาที่ไปอย่างไรและมีข้อมูลที่สามารถแสดงเรื่องสต๊อกข้าวที่ส่งเข้าโรงสีและสามารถชี้แจงได้

ทั้งนี้ เตรียมจะประสานเพื่อขอข้อมูลกับ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการตรวจนับสต๊อกข้าว และจะขอข้อมูลจาก อคส. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบ

“การจะไปเปลี่ยนข้อมูลของอนุกรรมการชุดคุณสุภาต้องมีข้อเท็จจริงมาชี้แจง ถ้าจู่ๆ บอกว่ามีสต๊อกข้าว 2.98 ล้านตัน โผล่ขึ้นมา ก็ต้องเอาข้อมูลทั้งหมดมาดู เพื่อแจงที่มาที่ไปได้ว่า ข้าวมาจากเกษตรกรที่ไหน เอามาเข้าโรงสีไหน และมีคณะกรรมการระดับจังหวัด อคส. และตัวโรงสี ถ้าทั้ง 3 แหล่งมายืนยันได้ว่ามีข้าวจริงก็เติมเข้าไปในสต๊อกเดือน พ.ค. ได้”

อย่างไรก็ตาม กุลิศ กล่าวว่า ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีข้าว หน้าที่โดยตรงนับจากนี้ คือการปิดบัญชีข้าวทุกไตรมาสตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งหลังจากที่อนุกรรมการฯ ชุดสุภาปิดยอดเมื่อเดือน พ.ค. 2556 แล้ว หน้าที่จากนี้ คือการปิดบัญชีเดือน ก.ย. ฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 ปิดบัญชีเดือน ธ.ค. ฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 รวมทั้งการปิดบัญชีเดือน พ.ค. ฤดูกาลผลิตปี 2555/2556

โดยหลังจากประชุมอนุกรรมการฯ นัดแรก เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ก็พบว่าปัญหาสำคัญในการทำงาน คือ ตัวเลขปริมาณสต๊อกข้าวที่รายงานโดย อคส. และ อ.ต.ก. ไม่มีความเสถียร มีการเปลี่ยนแปลงตลอด โดยเฉพาะ อคส. ที่มักจะมีปัญหาปริมาณข้าวในสต๊อกไม่ตรงกับปริมาณข้าวที่ใช้คำนวณค่าใช้จ่าย จึงได้ให้ อคส. อคต. และ ธ.ก.ส. ไปหารือและทำตัวเลขมาให้ตรงกัน

นอกจากนี้ เพื่อให้การปิดบัญชีครั้งนี้สามารถอธิบายได้ว่า ใช้มาตรฐานบัญชีใด มีการขายข้าวอย่างไร มีปริมาณข้าวเหลือมากน้อยเพียงใด เป็นข้าวใหม่จำนวนเท่าไหร่ ข้าวเก่าจำนวนเท่าไหร่ ขายข้าวไปแล้วมากน้อยเพียงใด จึงได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านบัญชีเข้าร่วมเป็นอนุกรรมการฯ เพิ่มเติม คือ เจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากรและจากสำนักนโยบายมาตรฐานบัญชี

ขณะเดียวกันได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาร่วมเป็นอนุกรรมการฯ ด้วย เพราะถึงอย่างไรที่ผ่านมา สตง. ได้มีบันทึกแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการปิดบัญชี รวมทั้งต้องส่งบัญชีนี้ให้ สตง.ตรวจ จึงต้องการฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอเพื่อให้การปิดบัญชีในภาพรวมมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะมีการนัดประชุมนัดที่ 2 ในวันที่ 16 พ.ค.นี้