posttoday

คลิปลับยุทธศักดิ์-แม้วเขย่ากองทัพ สะเทือนรัฐบาล

08 กรกฎาคม 2556

สั่นสะเทือนรัฐบาลครั้งใหญ่เมื่อปรากฏคลิปเสียงลึกลับแพร่กระจายว่อนอินเทอร์เน็ต โดยเนื้อหาเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลผู้มีเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

สั่นสะเทือนรัฐบาลครั้งใหญ่เมื่อปรากฏคลิปเสียงลึกลับแพร่กระจายว่อนอินเทอร์เน็ต โดยเนื้อหาเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลผู้มีเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กำลังหารือถึงภารกิจลับปูทางกลับบ้าน และการแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ

แม้ทาง “บิ๊กอ๊อด” จะออกมาปฏิเสธในทันทีว่าเสียงในคลิปดังกล่าวไม่ใช่ตัวเขาแน่นอน อีกทั้งในช่วงก่อนปรับ ครม. และหลังปรับ ครม. ไม่เคยโทรศัพท์หา พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่เคยไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่วนตัว รวมถึงไม่เคยไปคุยในวงสนทนาที่มีบุคคลที่สาม แต่ไม่อาจคลี่คลายเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ลุกลามบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

และไม่แปลกที่ “พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” โฆษกพรรคเพื่อไทย จะออกมาเบนกระแสว่าเป็นเรื่อง “คลิปตัดต่อ” จากฝั่งผู้ไม่หวังดีและ ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่ต้องการหวังผลทางการเมือง สร้างความสับสนในบ้านเมือง เพื่อนำไปสู่ความขัดแย้ง เมื่อเนื้อหาในคลิปนั้น ถือเป็นระเบิดเวลาลูกโตที่หากปะทุขึ้นมาย่อมสั่นคลอนรัฐบาลให้พังพาบในเวลาอันรวดเร็ว

ระหว่างที่รอกระบวนการพิสูจน์ความจริง ถึงที่มาที่ไปของคลิปดังกล่าวว่าจะเป็นของจริง หรือตัดต่อ ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน และผลการพิสูจน์ที่ออกมาจะเป็นที่เชื่อมั่นในสายตาสาธารณะหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ผลในเวลานี้ย่อมสั่นคลอนรัฐบาลอย่างรุนแรง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและรัฐบาลที่ย่อมไม่อาจสนิทใจได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

อย่างน้อยๆ ย่อมทำให้ช่องว่างระหว่าง “กองทัพ” กับ “รัฐบาล” ที่กำลังจะรุกคืบขยับเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ จนกำลังจะประสานกลายเป็นเนื้อเดียวกัน มีอันต้องถ่างออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความสนิทใจระหว่างกันและกันคงต้องลดน้อยถอยลงไปด้วย อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ต้องยอมรับว่าแผลเก่าตั้งแต่รัฐประหารเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้สถานะของกองทัพกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่รัฐบาลเพื่อไทยไม่อาจนิ่งนอนใจ นอกจากจะต้องคอยระมัดระวังตัวแล้ว ยังพยายามเข้าไปสลายขั้วอำนาจเก่าที่ฝังรากวางฐานไว้ในกองทัพอย่างเหนียวแน่นด้วยกฎระเบียบที่เป็นปราการป้องกันฝ่ายการเมืองเข้าไปล้วงลูก

นอกจากความพยายามจะเอาอกเอาใจกองทัพด้วยการไฟเขียวโครงการต่างๆ และวางตัว พล.อ.ยุทธศักดิ์ มาเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ ทำให้ภาพของกองทัพและรัฐบาลดูจะกลมเกลียวกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554

จนกระทั่ง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขยับก้าวสำคัญด้วยการสร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ด้วยการไปนั่งควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ด้วยเหตุผลเรื่องของความเป็นเอกภาพ และความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาต่างๆโดยเฉพาะเรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ พร้อมวางบิ๊กอ๊อดกลับมารับตำแหน่ง รมช.กลาโหม

ทว่าลึกๆ แล้วการขยับครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการรุกคืบของฝ่ายการเมืองฝ่ายปราการ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 เพิ่มเสียงในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารชั้นนายพล ใน 7 เสือกองทัพ ทั้ง รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทหารบก ผบ.ทหารเรือ ผบ.ทหารอากาศ และปลัดกระทรวงกลาโหม

ดังนั้น ผลจากคลิปนี้ย่อมต้องทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ–รัฐบาล ต้องมาอยู่ในสถานะไม่ไว้วางใจกันมากยิ่งขึ้น เพราะเนื้อหาบางช่วงบางตอนในคลิปดูจะสอดรับกับความพยายามจากฝั่งเพื่อไทย ที่เคยจะปลดล็อกให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดโผแต่งตั้งโยกย้าย

ปัจจัยนี้ย่อมเป็นแรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้นให้การบริหารงานของรัฐบาลต่อจากนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนหน้าที่จะเปิดสมัยประชุมสภา และมีวาระร้อนๆ ทั้งเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งยังคาบเกี่ยวอยู่ในเนื้อหาว่าจะนิรโทษกรรมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจนนำไปสู่การเสียชีวิตกว่า 90 ศพหรือไม่ ซึ่งจุดนี้จะเป็นบทพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพอีกเปลาะหนึ่งด้วย

ยังไม่รวมกับอีกประเด็นสำคัญเรื่องแผนปูทางพา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างออกมาปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นกับคลิปนี้ แต่ต้องยอมรับว่านี่เป็นจุดเปราะบางที่อาจกลายเป็นชนวนที่แนวต้านแนวค้านระบอบทักษิณหยิบยกกลับมาเปิดเกมรุกไล่บี้รัฐบาลต่อจากนี้

เสถียรภาพของรัฐบาลที่สั่นคลอนในเวลานี้จึงยิ่งจะเปราะบาง เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความหวาดระแวงระหว่างกองทัพและรัฐบาล