posttoday

ดัน"เจ๊แดง"อะไหล่แท้ผู้นำสำรอง

18 มีนาคม 2556

ทันทีที่ เกษม นิมมลรัตน์ สส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น สส. ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดย...นิติพันธ์ สุขอรุณ

ทันทีที่ เกษม นิมมลรัตน์ สส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น สส. ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังเลือกตั้งซ่อมเข้ามาแทน ชินณิชาวงศ์สวัสดิ์ อดีต สส.ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสินให้พ้นสภาพ สส.เว้นวรรคการเมือง 5 ปี กรณีซุกหนี้ 100 ล้านบาท นับเวลาการเป็น สส.ของ เกษม ยังไม่ถึง 1 ปี แต่ขอลาออกไปเพียงเพื่อสมัครเป็นรองนายกฯ อบจ.เชียงใหม่

แม้ว่า พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จะออกมาอ้างการลาออกครั้งนี้ มีเหตุผลจากสุขภาพไม่ดี และต้องการไปดูแลงานท้องถิ่น เพื่อรับใช้ชาวเชียงใหม่ เพราะมีความเหมาะสมกับงานท้องถิ่นมากกว่าการเมืองระดับชาติ

ทว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าว สมเหตุสมผลหรือไม่

คำแถลงของพร้อมพงศ์ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ หลังพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาเปิดเผยว่า การลาออกของเกษมเพื่อเปิดทางให้ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ลงสมัคร สส.ปูทางสู่นายกฯ สำรอง

“ไม่เป็นความจริงและยืนยันได้ว่าไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยกดดันให้คุณเกษมลาออก ส่วนพรรคจะส่งใครลงสมัครนั้นต้องรอให้ทางคณะกรรมการพรรคเขตภาคเหนือที่มี คุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานโซนภาคเหนือตอนบน เสนอชื่อบุคคลที่ความเหมาะสมมายังคณะกรรมการบริหารพรรค แต่หากเยาวภาจะเสนอตัวเองลงสมัครก็สามารถทำได้ ซึ่งก็จะเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย”

เยาวภาเพิ่งพ้นโทษถูกตัดสิทธิทางการเมืองพร้อมกับสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เป็นพี่สาวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอีกเช่นกันว่า สส.ในสายภาคเหนือให้การยอมรับเยาวภาในฐานะผู้กว้างขวางทางการเมืองและทางการเงิน อย่าได้แปลกใจหากชื่อเยาวภาจะถูกคัดเลือกผ่านกรรมการภาคโดยเอกฉันท์ลงเลือกตั้ง สส.

แต่เหนืออื่นใดการให้เกษมออกจาก สส.ทั้งที่ทำหน้าที่ไม่กี่เดือนดันเยาวภาขึ้นมาแทน ก็เพราะอุบัติเหตุทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ในกรณีของยิ่งลักษณ์ จึงต้องเตรียมแผนสำรองหากเก้าอี้ตัวนี้เกิดสุญญากาศ

อุบัติเหตุที่ว่า เป็นพิษจากเงินกู้ 30 ล้านบาท ที่ยื่นแสดงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากถูก ป.ป.ช.พิจารณาว่ากระทำความผิดแจ้งเท็จจะต้องส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิจารณา นั่นหมายความว่า ยิ่งลักษณ์จะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกฯ จะว่างลงทันที

ไม่เพียงเท่านั้นเก้าอี้นายกฯ เริ่มสั่นไหวจากคลื่นใต้น้ำภายในพรรคที่แตกเป็นหลายกลุ่มหลายก๊ก ดังจะเห็นจาก สส.ฟากสีแดงผลักดันร่าง กฎหมายนิรโทษกรรม แต่ยิ่งลักษณ์เห็นว่ายังไม่ถึงเวลา หรือการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ในที่สุดต้องดองคาสภา

รวมถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สไกป์พูดคุยกับ สส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ผู้บริหารประเทศไม่ควรบริหารประเทศอย่างเดียว โดยไม่สนใจเรื่องการเมืองและเห็นว่าการบริหารประเทศกับการเมืองต้องเดินไปด้วยกันเพื่อความสมดุล

ขณะที่ยิ่งลักษณ์มีความเห็นตรงกันข้ามว่า ในแง่ของการเมืองคือการที่ทำอย่างไรให้ประชาชนคนไทยมีความสงบและมีความรักความสามัคคี ปรองดองนี่คือเรื่องของการเมือง

ความสั่นคลอนดังกล่าว จึงส่งผลไปถึงการเรียกหาอะไหล่สำรองที่มีทั้งเพาเวอร์ควบคุมกลไกในพรรคและพร้อมขานรับคำสั่งจากแดนไกลได้

ทว่า เป้าหมายแท้จริงต้องการให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ สมัครเป็น สส.ทันทีที่พ้นโทษการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ในวันที่ 3 ธ.ค. 2556 และวางไว้ให้เป็นนายกฯ อีกครั้ง แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาจริง อย่างที่กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยหวั่นเกรงก่อนที่สมชายจะพ้นโทษแบน ก็ยิ่งจะส่งให้ชื่อของเยาวภาเข้ามาเป็น สส. เพื่อวางตัวเป็นนายกฯ ขัดตาทัพไว้ก่อนที่ สมชายจะพร้อมกลับมาเล่นการเมืองเต็มตัว

การเข้ามาของเยาวภาถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ห้วงเวลานับจากนี้จะมีการจัดระเบียบ สส.พรรคเพื่อไทย ด้วยตัวเองให้มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเยาวภา แม้จะไม่ได้เสนอตัวขอตำแหน่งทางการเมือง แต่จะคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังตลอด สะท้อนได้จาก นพคุณ รัฐผไท สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปรียบเยาวภาเหมือนเป็นผู้ให้ คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ทั้งการประสานงานกับราชการรวมทั้งการทำงานในพื้นที่

ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ลาออกอย่างไม่มีเหตุเช่นนี้เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วจากกรณีของ สุเมธ ฤทธาคนี ที่ลาออกจาก สส.ปทุมธานี เพื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี จนทำให้ สมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.ปทุมธานีของพรรคเพื่อไทย แพ้การเลือกตั้งซ่อมให้กับ เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์

“เหตุการณ์เกษมลาออกอีก จึงถือว่าเพื่อไทยไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของประชาชน และชี้ชัดว่านายเกษมเป็นเพียงคนขัดตาทัพให้กับเครือญาติของคนในตระกูลชินวัตรเท่านั้น” ชวนนท์ กล่าว

สอดรับกับ ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จ.เชียงใหม่ เรียกร้องจุดยืนของพรรเพื่อไทย ถึงเหตุผลที่ชัดเจนในการลาออกจากตำแหน่ง สส. เพราะการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 ในปี 2555 ใช้งบประมาณแผ่นดินนับสิบล้านบาทที่ล้วนเป็นภาษีอากรของพี่น้องประชาชน

“หากคุณมีเหตุผลที่เข้าใจได้อย่างไม่สบายหรือปัญหาสุขภาพ กลุ่มเสื้อแดงก็พร้อมรับฟัง แต่หากลาออกเพียงเพื่อเปิดทางให้เยาวภาลงเลือกตั้งแทน คุณต้องตอบความรู้สึกของชาวบ้านให้ได้ว่าการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาคุณเป็นเพียงนอมินีหรือตัวแทนตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ หากไม่ได้ลงเลือกตั้ง เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงแล้วคุณเห็นประชาชนและการเลือกตั้งเป็นอะไร”

ไม่ว่าจะมีอารมณ์หงุดหงิดจากฝ่ายต่างๆ ไม่พอใจการลาออกของเกษมประการใดก็ตามแต่

สุดท้ายการเมืองภายใต้ครัวเรือนชินวัตรต้องการจัดทัพการบริหารบ้านเมืองให้มั่นใจ ยิ่งในยามที่การรักษาอำนาจการเมืองไม่เคยมีความจีรังแน่นอน

ศึกเหนือเสือใต้กำลังประดังประเดเข้ามา หากไม่ทันเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกเดี๋ยวจะรับมือไม่ไหว