posttoday

ปลดล็อก"วีระ-ราตรี"เกมเขมรค้ำยัน"ยิ่งลักษณ์"

14 มกราคม 2556

เป็นเวลากว่าเกือบ 2 ปีที่ทั้ง วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอว์ของกัมพูชา

โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

เป็นเวลากว่าเกือบ 2 ปีที่ทั้ง วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอว์ของกัมพูชา ตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2554 ใน 3 ข้อหา คือ ข้ามแดนผิดกฎหมาย เข้าไปในเขตทหารกัมพูชาโดยไม่ได้รับอนุญาต และประมวลข่าวสารที่อาจเป็นอันตรายต่อกัมพูชา

“วีระ” รับโทษ 8 ปี “ราตรี” 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยนั้นใช้ช่องทางการทูตอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้คนไทยทั้งสองคนได้กลับประเทศก่อนที่กัมพูชาจะนำตัวขึ้นศาล เวลานั้นรัฐบาลไทยรู้ดีว่าหากปล่อยให้คดีสู่ศาลโอกาสที่จะช่วยทั้งสองคนก็คงริบหรี่

สาเหตุหนึ่งที่ความช่วยเหลือไม่สัมฤทธิผลมากนัก มาจากความสัมพันธ์ของ “ไทยกัมพูชา” ในยุค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ค่อยราบรื่นมากนัก

มีต้นเหตุมาจากการใช้อำนาจของนายกฯ ฮุนเซน แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ต้องคำพิพากษาคดีทุจริต เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ไปจนถึงการปฏิเสธส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

เป็นผลให้ไทยประท้วงทางการทูตอย่างรุนแรงด้วยการสั่งเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับไทย พร้อมกับทบทวนความสัมพันธ์และการให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นการตอบโต้

ยังไม่นับเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศที่มีผลสืบเนื่องมาจากปัญหาความไม่ลงรอยกันในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร

สุดท้าย “วีระราตรี” ต้องจำใจรับสภาพไปโดยปริยายที่ต้องติดคุกประเทศเพื่อนบ้าน จากเดิมมีความหวังว่าจะได้กลับมารับโทษต่อในเรือนจำไทย

จนกระทั่งมาถึงพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลกลางปี 2554 เริ่มกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์อีกครั้ง โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นายกฯ ฮุนเซน เรียกว่า “เพื่อน” เป็นบันไดก้าวสำคัญให้กับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี แสดงภาวะผู้นำในการเยือนกัมพูชา

แต่ทุกครั้งที่นายกฯ ปู ต้องเจอกับคำถามเกี่ยวกับความคืบหน้าเพื่อช่วยวีระและราตรี กลับได้คำตอบแค่ว่า “รัฐบาลไทยกำลังพยายามประสานอยู่”

กลายเป็นแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นของจริงหรือของปลอม โทษฐานเคยปรามาสรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าไม่มีวันจะคุยกับกัมพูชารู้เรื่องได้เหมือนกับพรรคเพื่อไทยที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคีย์แมนสำคัญ

ก่อนที่ล่าสุดจะมาได้รับการเปิดเผยจาก

“สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ว่า กัมพูชาจะขอพระราชทานอภัยโทษจำคุกให้กับราตรีช่วงงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จเจ้านโรดมสีหนุในวันที่ 1 ก.พ. ขณะที่ลดโทษวีระลงไปอีก 6 เดือนเหลือจำคุกเป็นเวลา 5 ปีครึ่งโดยประมาณ

สร้างความโล่งอกให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์!

ทั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจากที่เดิมไม่มีใครคาดว่ารัฐบาลกัมพูชาจะยอมให้ หลังจากรัฐบาลไทยพยายามประสานงานช่วยเหลือหลายครั้ง

จึงเริ่มมีการวิเคราะห์ไปต่างๆ นานาว่ามีความเชื่อมโยงกับปัญหากรณีปราสาทพระวิหาร

การแสดงออกต่อนักโทษไทยทั้งสองคนนั้นกัมพูชาเองก็หวังผลอยู่พอสมควร โดยต้องการเป็นจุดหนึ่งที่ให้นานาชาติเห็นว่าปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและกัมพูชาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หรือจะนำไปสู่การปะทะตามแนวชายแดนบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหารได้

อย่าลืมว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก มีคิวนัดให้ทั้งไทยและกัมพูชาชี้แจงด้วยวาจาช่วงเดือน เม.ย. ก่อนที่จะไปตัดสินชี้ขาดในช่วงปลายปี ซึ่งมีความเป็นไปได้เช่นกันที่ศาลโลกจะนำบริบทความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ดุลยพินิจควบคู่กับการใช้ข้อกฎหมาย

หมายความว่า ศาลอาจเห็นว่าหากตัดสินคดีไปทางหนึ่งทางใดลงไปย่อมจะสร้างความได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ให้กับสองฝ่าย อันอาจนำมาสู่ความรุนแรงและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียของพลเรือนได้ จึงเป็นไปได้ที่ศาลจะหาทางออกด้วยการไม่รับวินิจฉัย โดยระบุว่าเป็นประเด็นเดิมที่ศาลโลกได้พิพากษาไปแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2505

ถ้าหวยออกมาเลขนี้เท่ากับว่ากัมพูชาจะไม่สามารถอ้างสิทธิเหนือพื้นที่พิพาทได้ ความเสียหายจะอยู่กับกัมพูชาเอง

ขณะเดียวกัน กัมพูชายังต้องการรักษารัฐบาลพรรคเพื่อไทยเอาไว้ เนื่องจากประเมินว่าถ้าเสถียรภาพของยิ่งลักษณ์เกิดมีปัญหาขึ้นมา ย่อมกระเทือนถึงผลประโยชน์ของกัมพูชาด้วย โดยเฉพาะแรงกดดันของกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ในไทย ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างหนักไม่ให้รัฐบาลยอมรับอำนาจศาลโลก

ไม่เพียงเท่านี้ ความไม่มั่นคงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะสร้างความหวั่นไหวลามไปถึงการเจรจาเส้นเขตแดนทางทะเลที่มีทรัพยากรด้านพลังงานจำนวนมหาศาลด้วย

การปล่อย “ราตรี” และลดโทษ “วีระ” กัมพูชาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยคลี่คลายให้สถานการณ์กับรัฐบาลไทยเพื่อความมั่นคงในผลประโยชน์

สอดคล้องกับการประเมินของ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลุ่มการเมืองสำคัญที่ได้เคลื่อนไหวในประเด็นปราสาทพระวิหาร ก็มีมุมมองในทำนองว่า กัมพูชาต้องการให้การปล่อยตัวและการลดโทษคุณราตรีและวีระช่วยให้สถานการณ์การเมืองในไทยผ่อนคลาย และรู้ดีว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้ต้องเผชิญกับปัญหาการเมืองในประเทศอย่างรุนแรงถึงขั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผลเสียจะอยู่ที่กัมพูชาหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะยังมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเขตแดนที่ยังรอการจัดสรรอยู่

“กัมพูชากำลังพยายามทำให้ใครต่อใครเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อครั้งเป็นรัฐบาลขาดประสิทธิภาพ เหตุที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนไทยได้ เสริมให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดูดีขึ้น เพราะคนไทยทั้งสองคนได้รับการช่วยเหลือในยุครัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ พร้อมๆ กับลดแรงกดดันในประเทศที่มีต่อรัฐบาลไทยเพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชาเอง” โฆษก พธม.วิเคราะห์

เป็นบทสรุปว่างานนี้มีแต่วินวินทั้งสองฝ่าย ต่างคนต่างได้ประโยชน์กันไป