posttoday

เก็งข้อสอบซักฟอก หว่านแหดักทาง

17 ตุลาคม 2555

นับถอยหลังสู่ศึกซักฟอกครั้งแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

นับถอยหลังสู่ศึกซักฟอกครั้งแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ออกมาเก็งข้อสอบกลางวงที่ประชุม สส.เพื่อไทยว่า เป้าใหญ่ของ “ประชาธิปัตย์” อยู่ที่ 3 เรื่องใหญ่ ชายชุดดำ จำนำข้าว ไซฟอนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ก่อนจะตบท้ายว่า รัฐบาลรับมือได้

ส่องดูรายละเอียด 3 เรื่องร้อนที่หยิบยกขึ้นมาเป็นตุ๊กตาไม่ได้แปลกใหม่นอกเหนือความคาดหมาย แต่เป็นประเด็นที่ “ประชาธิปัตย์” ตบเท้าออกมาเรียงถล่มรายวันอยู่แล้ว

ที่สำคัญการออกมา “ดักทาง” รอบนี้ออกแนวตามกระแสมากกว่าวิเคราะห์จากข้อมูลเชิงลึก

เป้าหมายสำคัญกับการจุดประเด็นนี้ในที่ประชุม สส. เพื่อให้สมาชิกเพื่อไทยเริ่มตื่นตัวช่วยกันลงพื้นที่หาข้อมูลสนับสนุนรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในอีกไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้

โดยเฉพาะในเวลานี้สมาธิคนเพื่อไทยกลับไปโฟกัสอยู่แค่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมทั้งการปรับ ครม.ปู 3 ที่ยังฝุ่นตลบ

เก็งข้อสอบซักฟอก หว่านแหดักทาง

อีกด้านหนึ่ง ยังสร้างราคาให้ตัว ร.ต.อ.เฉลิม เอง หากฝ่ายค้านหยิบจับ 3 เรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายฯ ซึ่งอย่างไรเสียก็มีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะกับเรื่อง “จำนำข้าว” ที่ฝ่ายค้านประกาศชัดเจนว่าเดินหน้าเก็บข้อมูลไปถล่มในศึกซักฟอก

แม้อีกด้านหนึ่งจะถูกมองว่า “วัวสันหลังหวะ” พะวงกับจุดอ่อนตัวเอง กังวลว่าจะถูกจ้องเล่นงานขยายแผลที่มีอยู่ ซึ่งนำไปสู่การตีความยอมรับกลายๆ ในความผิดที่เกิดขึ้น

ยิ่งพิจารณาในรายละเอียด บางเรื่องไม่น่าจะใช่ “เป้าใหญ่” ที่ฝ่ายค้านจะหยิบไปใช้เป็นประเด็นนำในศึกซักฟอก ที่มีกรอบเวลาจำกัดไม่อาจตีขลุมไปทุกเรื่องได้หมด

โดยเฉพาะปมเรื่อง “ชายชุดดำ” ที่ “เฉลิม” ประเมินว่าเป็นแค่การอภิปรายแก้เกี้ยวนั้น แต่เอาเข้าจริงอาจไม่จำเป็นต้องถึงขั้นหยิบยกขึ้นมาขยายผลในเวทีนี้ ซึ่งนอกจากจะไม่เข้าเป้าแล้วยังกินเวลาอภิปรายไปแบบน่าเสียดาย

แค่เวลาประท้วงตอบโต้หักล้างข้อมูลของทั้งสองฝั่ง คำนวณคร่าวๆ แล้วน่าจะต้องใช้กันหลายชั่วโมงแบบไม่ได้เนื้อได้หนัง

ลำพังแค่กิจกรรมความเคลื่อนไหวนอกสภา สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งแรลลีชายชุดดำและนิทรรศการ “เดินหน้าผ่าความจริง ใครบงการคนชุดดำ รับจ้างฆ่าประเทศไทย” ที่ชำแหละ ที่มาที่ไปของชายชุดดำ เชื่อมโยงไปถึงแกนนำ นปช. และคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ไม่น้อย ยังไม่รวมกับการเตรียมเดินหน้าก๊อกสอง เดินสายต่างจังหวัดในช่วงปิดสมัยประชุมสภาสิ้นเดือนหน้า

ขณะที่ศึกวิวาทะรายวันตอบโต้ท้าดีเบตยังมีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการหยิบยกเรื่องชายชุดดำขึ้นมาเป็นเรื่องหลักในการอภิปรายฯ จึงอาจไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ดีนัก

ถัดมาที่กรณีไซฟอนเงิน 1.6 ล้านบาทที่เกาะฮ่องกง เรื่องนี้เอาเข้าจริงไม่ใช่เรื่องที่ประชาธิปัตย์เป็นคนเปิดประเด็น แต่มาจากภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ (ภตช.) ที่ตรวจสอบพบและนำมาเปิดเผย

ยิ่งในแง่ข้อมูลหลักฐานเวลานี้ยิ่งหายาก เมื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ยืนยันว่า จากที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. ได้ประชุมร่วมกับ ปปง. ทั่วโลกที่ฝรั่งเศสและได้รับการชี้แจงจาก ปปง.ฮ่องกงว่าไม่มีการโอนเงินจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท ไปฮ่องกง

ความกังวลของ “เพื่อไทย” เวลานี้จึงอาจอยู่ที่ความเคลื่อนไหวของ กมธ. ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มีหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงไปยังคณะกรรมการอิสระเพื่อการปราบปรามการคอร์รัปชันในฮ่องกง (ไอซีเอซี) ต้นข้อมูลที่ ภตช. ระบุ

จากทั้งหมดดูจะมีเพียงแค่ประเด็นเรื่องจำนำข้าวประเด็นเดียวเท่านั้น ที่ฝ่ายค้านน่าจะหยิบมาเป็นธงถล่มรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม ประเมินว่า ฝ่ายค้านน่าจะพุ่งเป้าไปที่การทุจริต เช่น สต๊อกลม หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่มีเงินจ่ายให้ชาวนา

การจับประเด็นเรื่องโครงการรับจำนำข้าวมาเป็นธงนำในการอภิปรายฯ ของฝ่ายค้าน น่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อรัฐบาลได้ไม่น้อย เมื่อหลายฝ่ายออกมารุมถล่มโครงการนี้ในหลายแง่หลายมุม โดยเฉพาะนักวิชาการจากหลายสถาบัน แม้แต่กูรูทางด้านเศรษฐศาสตร์ประจำรัฐบาลยังออกมาเตือนว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดจบของรัฐบาล

ยิ่งประเด็นทุจริตที่ผุดขึ้นเบี้ยใบ้รายทางในแทบทุกขั้นตอนตั้งแต่การรับจำนำจากมือเกษตรกรไปจนถึงการระบายไปต่างประเทศ หน่วยงานอย่างดีเอสไอส่งเจ้าหน้าที่ไปเกาะติดในหลายพื้นที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมากระทุ้งเตือนให้อุดช่องโหว่ทุจริต มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

ยังไม่รวมกับประเด็นความล้มเหลวการ บริหารงบประมาณที่สร้างงบประมาณที่นับวันมีแต่จะสร้างหนี้เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลยังไม่มีท่าทีว่าจะทบทวนยกเลิก ล่าสุด ครม. มีมติอนุมัติการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังประจำปี 2555 เป็นกรณีพิเศษ จำนวน 1.39 ล้านตัน

แว่วว่าหมัดเด็ดของฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่การหาหลักฐานความไม่โปร่งใสในโครงการรับจำนำ โดยเฉพาะกับบริษัทใกล้ชิดคนในรัฐบาลที่เข้ามา ที่โยงใยกับทั้งการระบายข้าว การเวียนเทียน

อย่างไรก็ตาม นอกจาก 3 เรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาดักทางฝ่ายค้านแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านซุ่มเก็บข้อมูล โดยเฉพาะเรื่องความล้มเหลว ผลกระทบจากการบริหารงาน 1 ปีของรัฐบาล ไม่ว่าจะขึ้นค่าจ้าง เงินเดือน 1.5 หมื่น ที่ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปิดตัว

นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนงำพิรุธในสารพัดโครงการขนาดใหญ่ในการบริหารจัดการน้ำที่อยู่ระหว่างฝ่ายค้านกำลังระดมข้อมูล เหล่านี้ถือเป็นหมัดเด็ดสำคัญที่จะเห็นในการอภิปรายฯ ซึ่งต้องรอดูว่าฝ่ายค้านจะมีข้อมูลอะไรเด็ดแค่ไหน และการออกมาเก็งข้อสอบของ ร.ต.อ.เฉลิม เที่ยวนี้ ถูกต้องมากน้อยเพียงใด