posttoday

เฉลิม เบอร์ 1 กันชน ยิ่งลักษณ์

04 ตุลาคม 2555

ทันทีที่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย คลื่นใต้น้ำเพื่อไทยก่อตัวขึ้นโดยพลัน

โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว

ทันทีที่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย คลื่นใต้น้ำเพื่อไทยก่อตัวขึ้นโดยพลัน ทั้งระดับแกนนำ หัวขบวนกลุ่มก้อนพรรค เสนอชื่อส่งตัวเข้าประกวดขอนั่งตำแหน่งรองนายกฯ เบอร์ 1 และเจ้ากระทรวงคลองหลอด

เลยเถิดไปถึงขั้นกลุ่มก๊วนที่เคยได้รับสัญญาใจจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีรอบใหม่ ออกมาปล่อยข่าวจะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึง 10 ตำแหน่ง ผสมโรงสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ถูกสปอตไลต์ส่อง จะมีสิทธินั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำ 111 เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตกอยู่ในกระแสข่าวทำท่ามาแรงขึ้นถึงเก้าอี้ใหญ่รองนายกฯ หรือไม่ก็ รมว.มหาดไทย แทนที่ยงยุทธ

ไม่เพียงเท่านั้น มีเสียงดังๆ ออกมาจากบ้านเลขที่ 111 ประเมินเสร็จสรรพใครเป็นจุดอ่อน ใครสมควรต้องออกจากเกมนี้ จุดประเด็นเร่งเร้านายกฯ ยิ่งลักษณ์ “การปรับ ครม. ไม่จำเป็นต้องรอฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ”

คลื่นภายในภายนอกถาโถมทุกทิศทุกทางกดดันนายกฯ ต้องเร่งปรับ ครม.

แต่เหนืออื่นใด ผู้มีอำนาจตัดสินใจปรับ คือนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่รับสัญญาณสายตรงจากดูไบเท่านั้น

กับท่าทีล่าสุด สื่อสารออกมายังไม่จำเป็นต้องปรับ ครม. นั่นเท่ากับเป็นการสยบการปล่อยข่าวต่างๆ นานา ให้รู้ว่าเวลานี้ทำเนียบรัฐบาลยังไม่เปิดเวทีประกวดซูเปอร์โมเดลรัฐมนตรีแต่อย่างใด

การตัดสินใจ “จบข่าว” ปรับ ครม.ของยิ่งลักษณ์เด่นชัดเพิ่มขึ้น จากการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการลงนามคำสั่งสำนักนายกฯ เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกฯ และคำสั่งสำนักนายกฯ มอบหมายให้รองนายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเพิ่มเติม

ถือเป็นการมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีรายอื่นทำหน้าที่แทนยงยุทธ ซึ่งบุคคลที่ถูกหวยได้รับมอบหมายอำนาจครั้งนี้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ

แม้โดยหลักการทั่วไป เมื่อรองนายกฯ นัมเบอร์วันลาออก บรรดาภารกิจต่างๆ ก็กลับมาอยู่ที่นายกฯ บริหารราชการแผ่นดินคนเดียวก็ได้ หรือจะมอบให้รองลำดับถัดไปก็ได้

แต่เมื่อพิจารณาจากงานในการกำกับดูแลของยงยุทธก่อนหน้านี้ ถือได้ว่าอัดแน่นเต็มพิกัด หรือพูดกันตามที่รับรู้ภายใน ล้วนเป็นงานสำคัญๆ ที่อยู่ในอำนาจนายกฯ แต่นายกฯ สตรีรายนี้ไม่คล่องตัว จึงต้องหาคนที่มาแบ่งเบาภาระ เป็นเสมือนนายกฯ น้อยดีๆ นี่เอง

เฉลิม เบอร์ 1 กันชน ยิ่งลักษณ์

 

ไม่ว่าเป็นการกำกับการบริหารราชการแทนนายกฯ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย หรือการคุมกลไกข้าราชการทั้งหมด ผ่านการกำกับดูแลและนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะในส่วนของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะที่การกำกับดูแลงานความมั่นคงภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แม้แต่การมอบอำนาจติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของยงยุทธ ซึ่งหนักไปทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล

หรือการส่งมอบอำนาจสั่งการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยยังเป็นประธานกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง หรือสั่งการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร

แม้แต่คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ ปคอป. ที่กำลังง่วนอยู่กับการเพิ่มโปรโมชันเยียวยาญาติเหยื่อเสื้อแดง หรือจะเป็นการวาดแผนสร้างเวทีระดมมวลชนหาทางออกแก้ไขรัฐธรรมนูญและสร้างความสมานฉันท์ ภายใต้งบประมาณ 90 ล้านบาท ก็อยู่ในความดูแลของยงยุทธมาก่อน

อัดแน่นจัดเต็ม ทั้งกำกับสายปกครอง คุมกลไกข้าราชการส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น สั่งการตามกฎหมายในส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ติดตามภารกิจความมั่นคงชายแดนภาคใต้ ขับเคลื่อนกลเกมการเมืองผ่านเวทีสมานฉันท์แก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนมือจากยงยุทธ มาอยู่ในความดูแลของ ร.ต.อ.เฉลิม แทบทั้งสิ้น

ประการแรก แน่นอนว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องการให้เกิดสุญญากาศการบริหารงาน ตัวอย่าง เห็นได้จากการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 2 ต.ค. มีการนำเสนอวาระขออนุมัติงบกลาง 3,000 กว่าล้านบาท เพื่อเตรียมไปเป็นโบนัสข้าราชการปี 2554 โดยที่วาระดังกล่าวเคยโดนถอนออกจากที่ประชุมมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ก็ด้วยเหตุยงยุทธติดปัญหาความคลุมเครือในคุณสมบัติรัฐมนตรี จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลที่ดินอัลไพน์ และนายกฯ สั่งงดวาระพิจารณาอนุมัติงบประมาณและการแต่งตั้งเข้า ครม. และวาระดังกล่าวก็ต้องทำให้ข้าราชการรอเก้อเป็นรอบสอง ซึ่งไม่ใช่มาจากยิ่งลักษณ์ขวางโบนัสข้าราชการ แต่ต้องการให้เสนอเข้ามาใหม่โดยการตีตรารับรองจากเจ้าของเรื่องชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม ตามที่ได้มอบอำนาจดูแล ก.พ.ร. อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ขณะเดียวกัน ภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิมได้รับมอบอำนาจกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับสามารถสั่งการตามกฎหมายในส่วนของ กทม.ได้ ก็กล่าวกลางที่ประชุม ครม. ด้วยความแข็งขันทันที เตรียมเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับจะสยบปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับผู้ว่าฯ กทม. กรณีปัญหาลอกท่อแก้น้ำท่วม เพราะนี่คือปมหนึ่งที่มีส่วนช่วงชิงคะแนนความนิยมระหว่างรัฐบาลกับ กทม. ต่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ และเป็นจังหวะของการเตรียมชิงชัยผู้ว่าฯ กทม. ในปีหน้า

ประการต่อมา ทำให้เห็นว่ายิ่งลักษณ์ไม่ต้องการหาผู้เล่นตัวใหม่มาเป็นรองนายกฯ เบอร์หนึ่ง และ รมว.มหาดไทย ขณะนี้ ถ้าจะแต่งตั้งคนใดก็ต้องเร่งดำเนินการแล้ว เพราะอย่างที่เห็นอยู่กับภารกิจงานต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลรองนายกฯ เบอร์ 1 ขืนทอดเวลาออกไป มัวแต่ให้คะแนนผู้เสนอตัวเป็นรองนายกฯ ย่อมทำให้เกิดสุญญากาศมากขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดิน จะกลายเป็นบูเมอแรงกระแทกกลับมาที่ตัวนายกฯ ทำให้ภารกิจสำคัญต้องสะดุด จึงไม่แปลกที่มีการสั่งการผ่าน ร.ต.อ.เฉลิม ให้ชงเรื่องที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบของยงยุทธเข้า ครม.ในสัปดาห์หน้า เหมือนเกมนี้เปิดโอกาสให้นายกฯ น้อยเฉลิมไปต่อ

ประการสำคัญ ตอกย้ำให้เห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยังเป็นที่ไว้วางใจของยิ่งลักษณ์และคนทางไกล เป็นตัวช่วยวางเกมการเมืองหวังสยบกลุ่มก๊วนที่กำลังเปิดศึกแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี ในจังหวะที่รัฐบาลเองก็กำลังอ่วมอยู่สารพันนโยบายหาเสียงที่กำลังพ่นพิษใส่ จึงต้องการให้สถานการณ์นิ่ง ตั้งหลักขอหายใจ ก่อนเลือกปรับ ครม.โอกาสหน้า