posttoday

จัดขั้วบิ๊กมหาดไทยสนอง "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ"

27 สิงหาคม 2555

เข้าสู่ฤดูกาลแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการภายในกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง

โดย...ศุภชาติ เล็บนาค

เข้าสู่ฤดูกาลแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการภายในกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง หลังใกล้ถึงเวลาเกษียณอายุราชการของบรรดาบิ๊กคลองหลอดทั้งหลายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ทำให้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เจ้ากระทรวงหัวหมุน เพราะมีบิ๊กเกษียณอายุถึง 24 ตำแหน่ง ตั้งแต่หัวแถวอย่าง พระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมการปกครองอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ สุรพล พงษ์ทัดศิริกุลรองปลัดกระทรวงมหาดไทย วีระยุทธ เอี่ยมอำภา อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และอุดม พัวสกุล อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ มงคล สุระสัจจะผู้ตรวจราชการกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) อีก 16 ราย

การแต่งตั้งครั้งนี้ลับลมคมในยิ่ง แตกต่างจากหนที่แต่งตั้ง พระนาย เพราะรู้มาตั้งแต่ไก่โห่ ผิดกับครั้งนี้ โผปลัดกระทรวงพลิกไปพลิกมา เริ่มที่ช่วงแรก ฝ่ายการเมืองวางแผนให้ ประชาเตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อาวุโสสูงสุดมาเป็นปลัด แต่กำลังภายในไม่พอเพราะโดนถล่ม ปมมีบุคลิกแข็งกร้าว ไม่โอนอ่อนต่อฝ่ายการเมือง หากมอบอำนาจให้เป็นปลัดกระทรวงอาจไม่ฟังใคร อีกทั้งยังเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี ก่อนจะเกษียณในปี 2557 เท่านั้น ชื่อจึงถูกสับเปลี่ยนไปเป็น วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เคยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยมาก่อน

ทั้งนี้ เนื่องจาก วิเชียร ทำงานถูกใจและเข้าตา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งทำงานเป็นเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)

ถัดมาอีกสัปดาห์ โผก็พลิกอีกครั้ง เมื่อฝ่ายสิงห์ดำ หรือศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคลื่อนไหวใต้ดินไม่เอาวิเชียรอันเนื่องจากวิเชียรจบจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือเป็นสิงห์แดงซึ่งตรงกันข้ามกับเจ้ากระทรวงอย่าง ยงยุทธ และอาจทำให้สิงห์แดงกลับมาผงาดในกระทรวงคลองหลอดอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน วิเชียรถูกถล่ม ข้อหาเด็กในคาถา เนวิน ชินชอบ ท้ายสุดมีการเสนอชื่อ วิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าชิง โดยอ้างเพื่อไม่ให้อำนาจของฝ่ายสิงห์ดำต้องหมดไป

ข้างสิงห์ดำสู้จนกระทั่งชื่อวิบูลย์ตีตื้นขึ้นมา จนได้เป็นแคนดิเดตปลัดกระทรวงมหาดไทย ล่าสุด โดยมีข่าวลือหนาหูตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไฟเขียวให้วิบูลย์เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยิ่งลักษณ์เองก็ได้เรียกวิบูลย์เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ข้าราชการภายในกระทรวงเชื่อแน่แล้วว่าวิบูลย์คือตัวจริง

อย่างไรก็ตาม การเลือกวิบูลย์ก็มีจุดอ่อนและปัญหาตามมาเช่นกัน เพราะวิบูลย์คือคนของพระนาย และที่ผ่านมานั้นยุคพระนายเต็มไปด้วยขวากหนาม คอยขวางคอฝ่ายการเมืองอย่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยตลอดเวลา เนื่องจากบุคลิกของพระนายนั้นแข็งกร้าว ไม่ยอมให้ใครล้วงลูกง่ายๆ

“แม้จะฝากนายอำเภอ หรือย้ายข้าราชการในพื้นที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เช่นเดียวกับการฝากโครงการจาก สส.ในพื้นที่ให้ ผวจ.ช่วยดูแลนั้น ก็แทบจะไม่เกิดขึ้นในยุคนี้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นที่รู้กันว่ายงยุทธ ในฐานะ มท.1 เอง ไม่มี สส.เป็นพวก สั่งอะไรให้พระนายฟัง ทุกคำที่ออกไปก็หายไปกับสายลม” แหล่งข่าวกล่าว

จัดขั้วบิ๊กมหาดไทยสนอง "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ"

 

แม้ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะให้ ผดุงลิ้มเจริญรัตน์ มือขวา เข้าไปจัดการสิงห์น้อยสิงห์ใหญ่ในกระทรวงนี้ให้เข้ารูปเข้ารอย และวางอำนาจในฐานะตัวตายตัวแทนนายใหญ่แทน มท.1 ให้พระนายสนองงานบ้าง แต่สุดท้ายผดุงก็เอาไม่อยู่ เพราะยงยุทธเล่นบทนิ่ง ไม่หือไม่อือ ผลลัพธ์ออกมากระทรวงนี้ก็ยังเงียบงันเหมือนเดิม สังเกตได้จากผลงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมานั้นแทบจะไม่สามารถบอกได้เลยว่ากระทรวงมหาดไทยยุคยงยุทธพระนายนั้นทำอะไรไปแล้วบ้าง

ทั้งหมดนี้ฝ่ายการเมืองจึงกังวลกับการตัดสินใจเลือกวิบูลย์ให้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะวิบูลย์ไม่ใช่ตัวตายตัวแทนจากฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีกลุ่มสิงห์ดำที่ทั้งเกษียณอายุราชการไปแล้ว และยังอยู่ในสายบริหารของกระทรวงอยู่คอยสนับสนุน และถ้าหากวันหนึ่งวิบูลย์แข็งข้อ เช่นเดียวกับพระนาย และเลือกคบค้าสมาคมกับฝ่ายสิงห์ดำเท่านั้นก็จะเกิดภาวะสุญญากาศทางอำนาจของรัฐบาลในกระทรวงมหาดไทยเช่นเดียวกับสมัยพระนายทันที

เมื่อเป็นเช่นนี้แนวคิดดึงคนนอกอย่างวิเชียร ซึ่งสนองฝ่ายการเมืองได้ดี แม้จะกระเด็นไปอยู่นอกกระทรวงมา 1 ปี ฝ่ายการเมืองก็เชื่อใจได้ว่าสามารถทำงานด้วยกันได้ และหากเป็นไปตามโผนี้ ฝ่ายการเมืองเองก็สามารถยึดกุมอำนาจได้เต็มรูปแบบ

ฉะนั้นการแต่งตั้งบิ๊กมหาดไทยครั้งนี้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงต้องเน้นความละเอียดถ้วนถี่เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่จะมานั่งนั้นต้องไม่ผิดพลาด ไว้วางใจ และสนองการเมืองได้ เพราะกระทรวงมหาดไทย จากนี้ไปมีภารกิจสำคัญยิ่งยวดกว่ากระทรวงอื่นใด ในการที่จะสร้างความนิยม เสถียรภาพรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย เพราะโครงการสำคัญๆ รวมถึงเรื่องประเด็นการเมืองล้วนที่กระทรวงมหาดไทยทั้งสิ้น

เริ่มตั้งแต่โครงการก่อสร้างเพื่อเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมืออุทกภัย ไปจนถึงโครงการตามกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนมูลค่า 3.4 แสนล้านบาท ที่แม้งบประมาณเหล่านี้จะไม่ลงไปยังจังหวัดโดยตรง แต่กระทรวงมหาดไทย และ ผวจ. ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ก็ต้องทำโครงการที่สอดคล้องกับโครงการตามที่บริษัทเอกชนต่างๆ เสนอมาตามแนวคิดของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ด้วย

ขณะเดียวกัน การทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ก็อยู่ในเงื้อมมือข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ผ่านกลไกตั้งแต่ ผวจ. นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่จะลงพื้นที่รณรงค์สร้างเสริมความเข้าใจ เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านไปโดยสะดวกโยธิน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว อย่างการเปิดเวทีประชาเสวนา เพื่อหารากเหง้าของความขัดแย้งและแนวทางการสร้างความปรองดอง ตามข้อเสนอของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ที่ขณะนี้สถาบันพระปกเกล้ากำลังจัดทำแนวทางการจัดงาน เพื่อส่งไม้ต่อให้กรมการพัฒนาชุมชน และกระทรวงมหาดไทยจัดเวทีในระดับตำบล

ยังไม่นับรวมไปถึงงานประจำอย่างการเช็กเรตติ้งรัฐบาล และการทำข้อมูลประกอบการเลือกตั้งทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับชาติ ซึ่งต้องอาศัยกลไกข้าราชการ ที่อาจไม่ต้องถึงขั้นสั่งซ้ายหันขวาหันได้ แต่ก็ขอให้นายสั่งอะไรไป แล้วอย่าขัดก็แล้วกัน

เหล่านี้คืองานหนักที่วางรออยู่บนบ่าปลัดกระทรวงมหาดไทยคนต่อไป รวมถึงตำแหน่งต่างๆ ที่ว่างเว้นอยู่ พรรคเพื่อไทยจัดคัดสรรเป็นพิเศษเพื่อใช้เป็นแม่ทัพในการขับเคลื่อนนโยบายให้รัฐบาลปูอยู่ครบวาระและนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย