posttoday

วิปโยค'พักหนี้ดี'บีบคนดีเข้าคอกโชว์ผลงาน

23 สิงหาคม 2555

ยิ่งใกล้วันแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี ฝ่ายต่างๆ ของรัฐบาลก็พยายามปั่นตัวเลขสร้างผลงานสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลกันสุดฤทธิ์สุดเดช

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

ยิ่งใกล้วันแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี ฝ่ายต่างๆ ของรัฐบาลก็พยายามปั่นตัวเลขสร้างผลงานสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลกันสุดฤทธิ์สุดเดช

หลายโครงการไม่ประสบความสำเร็จ ก็มีการพยายามตกแต่งหน้าตา หาช่องหาทางทำให้ตัวเลขให้ทะลุเป้าให้ไม่มีที่ติ

โครงการพักหนี้ดี เป็นโครงหนึ่งที่รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือให้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลครั้งนี้ แต่ว่าก็ยังมีจุดเล็กจุดน้อยกวนใจรัฐบาล ทำให้ผลงานเข้าตากรรมการไม่เต็มที่

โดยโครงการพักหนี้ดี รัฐบาลแปลงร่างมาจากโครงการพักหนี้เสีย ซึ่งเป็นการฟื้นชีพโครงการพักหนี้เกษตรกรสมัยรัฐบาลทักษิณปี 2544

ทว่า โครงการพักหนี้เสียของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขยายวงให้ลูกหนี้ธนาคารรัฐไม่เกิน 5 แสนบาท และมีปัญหาเป็นหนี้เสียเข้าโครงการพักหนี้ 3 ปี กลับไม่ได้รับความสนใจจากลูกหนี้ 7 แสนราย เข้าร่วมโครงการไม่ถึงครึ่ง จนต้องขยายเวลาต้อนลูกหนี้เข้าโครงการ แต่ก็ได้ไม่เต็มร้อย

รัฐบาลได้แก้ลำจากพักหนี้เสียไม่เกิน 5 แสนบาท เป็นพักหนี้ดีไม่เกิน 5 แสนบาท หวังแก้มือสร้างผลงานให้จับใจรากหญ้าและเข้าตานายใหญ่

กระทรวงการคลัง โดยการนำทัพของ 3 รัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และ วิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เดินหน้าโครงการพักหนี้กันเต็มสูบ

โครงการพักหนี้ดีเปิดตัวเดือน เม.ย. 2555 โดยให้ลูกหนี้ดีธนาคารรัฐไม่เกิน 5 แสนบาท ได้ลดดอกเบี้ย และเลือกพักหนี้ 3 ปี หรือไม่พักหนี้ก็ได้ โดยมีการประเมินว่า จะมีผู้เข้าโครงการ 3.1 ล้านราย เป็นมูลหนี้ 3.5 แสนล้านบาท โดยลูกหนี้ที่สนใจต้องมาลงทะเบียนกับธนาคารรัฐที่เป็นเจ้าหนี้

รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังแอบฝันหวานอยู่ในใจว่า โครงการพักหนี้จะได้รับความสนใจถล่มทลาย เพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อนเป็นหนี้ดีแล้วให้พักหนี้ และยังแถมลดดอกเบี้ยให้อีก 3% ถือว่าส้มเข่งใหญ่หล่นทับ

วิปโยค'พักหนี้ดี'บีบคนดีเข้าคอกโชว์ผลงาน

หลังจากเปิดลงทะเบียนจนถึงวันสุดท้ายวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้มีสิทธิเข้าโครงการ 2.76 ล้านราย มูลหนี้ 3.22 แสนล้านบาท มีผู้มาลงทะเบียน 2.75 ล้านราย เป็นมูลหนี้ 3.11 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ไส้ในผู้มาลงทะเบียนมีคนที่ต้องการพักหนี้ลดดอกเบี้ย 2 ล้านราย 2.39 แสนล้านบาท ก็ถือว่ามีอัตราที่สูง

แต่ก็ยังมีผู้ไม่สนใจโครงการนี้จำนวนไม่น้อย โดยผู้ลงทะเบียน 3.07 แสนราย มูลหนี้ 3.16 หมื่นล้านบาท ติ๊กไม่สนใจเข้าโครงการพักหนี้ของรัฐบาล ตัวเลขส่วนนี้ทำให้เป็นที่แสลงใจรัฐบาลอยู่ไม่ใช่น้อย

สิ่งที่รัฐบาลช้ำใจไปมากกว่านั่น จน 3 รัฐมนตรีคลังนั่งไม่ติด ก็คือ ในส่วนของลูกหนี้ธนาคารออมสิน 8 แสนราย ที่มีหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาท แต่ในชั้นกรองสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เหลือลูกหนี้ที่เข้าโครงการได้แค่ 3.8 แสนรายเท่านั้น โดยลูกหนี้กว่าครึ่งที่ถูกเขี่ยทิ้ง เพราะมีรายได้ประจำ ทำให้ ทนุศักดิ์ ไม่พอใจอย่างมาก เพราะเหมือนเป็นการลิดรอนผลงานของรัฐบาลให้น้อยลง

นอกจากนี้ ลูกหนี้ 3.8 แสนราย กลับเมินไม่สนใจเข้าร่วมการอีก โดยในช่วงก่อนปิดรับลงทะเบียนไม่กี่วัน มีลูกหนี้มาลงทะเบียนแค่หลักหมื่นรายเท่านั้น จนต้องมีการเกณฑ์เจ้าหน้าที่ตอนลูกหนี้ดีเข้าโครงการจนตัวเลขดีดขึ้นมา 1 แสนราย

เหตุผลที่ลูกหนี้ ธ.ก.ส.เมินเข้าโครงการ ส่วนหนึ่งดีดลูกคิดว่า ได้ลดดอกเบี้ย 3% เป็นเงินจำนวนไม่มาก คิดแล้วเป็นหนี้ 1 หมื่นบาท ก็ได้ลดดอกเบี้ยแค่ 300 บาทเท่านั้น รู้สึกเสียเวลาที่จะมาลงทะเบียนเข้าโครงการ

นอกจากนี้ ลูกหนี้ของธนาคารออมสิน ยังผวาต้องถูกบันทึกในเครดิตบูโรว่า เป็นลูกหนี้หยุดชำระหนี้ตามโครงการของรัฐบาล ถึงแม้ว่าไม่โดนแบล็กลิสต์ แต่ลูกหนี้ก็ไม่อยากให้มีประวัติติดตัวให้เป็นที่กวนใจ

ความล้มเหลวของโครงการพักหนี้ดีในส่วนของลูกหนี้ธนาคารออมสิน ทำให้กระทรวงการคลังเต้นไปเจ้าเข้า โดย กิตติรัตน์ สั่งผ่าทางตันให้ธนาคารรัฐที่เข้าร่วมโครงการไม่ต้องไปสนใจว่าลูกหนี้จะมาลงทะเบียนหรือไม่ ให้เดินหน้าลดดอกเบี้ย 3% ไปเลยจะได้หมดเรื่องหมดราว

ทว่า แม้จะสั่งการไปล่วงหน้าก่อนมีการปิดลงทะเบียน แต่ก็ไม่มีธนาคารไหนกล้าขยับ เพราะไปพลิกกฎหมายดูแล้ว การลดดอกเบี้ยให้ลูกหนี้โดยพลการ ถือเป็นการผิดกฎหมายติดคุกหัวโตได้

ยิ่งมีข่าวการสอบข้อเท็จจริงธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ถูกตั้งกรรมการสอบ ว่ามีการตกแต่งบัญชีโดยการปรับโครงสร้างหนี้ลดดอกลดต้นขยายเวลาให้ลูกหนี้โดยที่ลูกหนี้ไม่รู้ตัว น่าจะเป็นการกระทำที่ทำให้ธนาคารเสียหาย ยิ่งทำให้ธนาคารรัฐธนาคารไหนก็ไม่กล้าลุยไฟทำตาม

การไม่กล้าเสี่ยงของธนาคารรัฐ ทำให้ผลงานพักหนี้ดีของรัฐบาลค้างอยู่ยอดดอยไม่ลอยขึ้นฟ้าเสียที แม้ว่าเมื่อต้นสัปดาห์นี้ กิตติรัตน์ จะเป็นประธานทุบโต๊ะ ให้ธนาคารรัฐลดดอกเบี้ยลูกหนี้ทั้งหมดอีกครั้ง

แต่ก็ยังไม่มีใครหาญกล้าเอาใจรัฐบาล เพราะรู้ดีว่าการทำเช่นนั้นเท่ากับเอาตัวไปยื่นปากเหว

หลังการประชุม ธนาคารรัฐที่เข้าร่วมไม่ว่าจะเป็น ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. เอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ต่างเกี่ยงกันไปมาไม่มีใครกล้าทำก่อน โดยทุกธนาคารพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากอยากให้ธนาคารทำ กระทรวงการคลังต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นมติ ครม.

เพียงสั่งปากเปล่า คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเพื่อการเมือง แม้ว่าต้องการสนองการเมืองเต็มที่ก็ตาม

ก็ต้องวัดใจ กิตติรัตน์ ในฐานะที่นั่งเป็นประธาน ธ.ก.ส. จะสั่งให้ธนาคารลุยไฟลดดอกเบี้ยลูกหนี้ดีหรือไม่ และที่สำคัญกรรมการคนอื่นที่นั่งอยู่จะเห็นด้วยหรือไม่

จะเห็นว่า การเดินหน้าเข็นโครงการพักหนี้ดีแบบสุดลิ่มทิ่มประตูของรัฐบาล เป็นเพราะต้องการสร้างผลงานประชานิยมเป็นงานชิ้นโบแดงครบรอบ 1 ปีเท่านั้น

โครงการพักหนี้ดีนี่แปลกแต่จริง ตั้งแต่เริ่มคิดโครงการ เพราะไม่เคยมีธนาคารไหนที่ลูกหนี้อยู่ดีๆ ก็อยากจะให้ลูกหนี้พักหนี้จนเป็นหนี้เสียท่วมธนาคาร

เมื่อเดินโครงการคนไม่สนใจ ก็หาทางต้อนเข้าโครงการทุกวิถีทาง ชนิดที่ว่าถึงเธอไม่อยากได้แต่ฉันก็อยากจะให้ และจะบีบคอให้เธอให้ได้

ความพยายามอย่างสุดขั้วของ 3 รัฐมนตรีคลัง ที่ต้องการบีบให้ลูกหนี้ดีทุกคน นอกจากต้องการมัดใจลูกหนี้ 3.1 ล้านรายแล้ว อีกด้านหนึ่งก็ต้องการสร้างผลงานของตัวเอง เพื่อรักษาเก้าอี้ที่ไม่แน่นอน

กิตติรัตน์ ที่มีข่าวว่าอาจจะถูกปรับออก เพราะผลงานไม่ค่อยเป็นที่ปรากฏ เร่งเครื่องเดินหน้าโครงการพักหนี้ดีไม่มีเกียร์ถอย

ขณะที่ ทนุศักดิ์ ที่ถูกเลื่อยขาเก้าอี้ ถูกปล่อยข่าวว่าจะลาออกจากตำแหน่ง ก็พยายามผลักดันเรื่องนี้ โดยก่อนนี้ได้เฉ่งเครดิตบูโร ทำให้ลูกหนี้เสียเส้นไม่มาพักหนี้ ทำโครงการรัฐบาลชะงัก จนเครดิตบูโรออกมาเต้นแก้ต่างเรื่องนี้เป็นการใหญ่ว่าไม่ได้แบล็กลิสต์ แต่ต้องบันทึกว่ามีการหยุดชำระหนี้

ส่วน วิรุฬ ในฐานะที่กำกับธนาคารออมสิน ต้นตอสำคัญทำให้โครงการพักหนี้ไม่ถึงฝั่ง ก็ออกมาเต้นขย่มธนาคารออมสินเต็มที่ให้ลดดอกเบี้ยลูกหนี้ดีไม่ผิดกฎหมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ วิรุฬ ออกมาบอกเองว่า การลดดอกเบี้ยให้ลูกหนี้โดยไม่ได้รับการยินยอมเป็นเรื่องทำไม่ได้

สถานการณ์ที่บีบรัดให้รัฐมนตรีต้องสร้างทั้งผลงานและรักษาเก้าอี้ตัวเอง ทำให้ต้องเร่งโครงการพักหนี้ดี จนเป็นโครงการวิปโยคผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวไปหมด

ที่สำคัญ ยังการลากลูกหนี้ดีกลายเป็นคนขาดวินัยเพื่อสร้างเป็นผลงานชิ้นโบแดง