ศาล-องค์กรอิสระแห้ว!งบประมาณเพิ่ม
กมธ.งบฯเอาคืนศาล-องค์กรอิสระ ไม่ให้งบประมาณเพิ่ม ปชป.ชี้ เป็นการกลั่นแกล้ง
กมธ.งบฯเอาคืนศาล-องค์กรอิสระ ไม่ให้งบประมาณเพิ่ม ปชป.ชี้ เป็นการกลั่นแกล้ง
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2556 ได้พิจารณาตัวเลขงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีเสนอเข้ามาเพิ่มเติมภายหลังที่ประชุมกมธ.ได้มีมติปรับลดงบประมาณจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาทจากวงเงินของงบประมาณทั้งหมด 2.4 ล้านล้านบาท ปรากฎว่ามีส่วนราชการทั้งสิ้น 16 หน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณเข้ามาเพิ่มเติม
ขณะที่หน่วยงานของศาลและหน่วยงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมตามที่ได้ดำเนินการขอให้ครม.จัดสรรแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญขอรับการจัดสรรเพิ่ม 5.2 หมื่นบาท ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองปกป้องรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายพื้นฐานในการปกครองประเทศ เพื่อดำรงรักษาความเป็นกฎหมายสูงสุดไว้ สำนักงานศาลยุติธรรมขอรับการจัดสรรเพิ่ม 856 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รับการพิจารณาพิพากษาอย่างเที่ยงธรรม สะดวก รวดเร็ว สำนักงานศาลปกครอง ขอรับการจัดสรรเพิ่ม 114 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้รับการบริการได้รับการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดคดีอย่างรวดเร็วมีคุณภาพ
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอรับการจัดสรรเพิ่ม 878 ล้านบาท สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอรับการจัดสรรเพิ่ม 7.3 ล้านบาท สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 216 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 15 ล้านบาท สำนักงานอัยการสูงสุด 34 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการปฎิรูปกฎหมาย 164 ล้านบาท
บุญยอด สุขถิ่นไทย
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ. กล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณของหน่วยงานที่มีความจำเป็น เช่น หน่วยงานศาล และองค์อิสระ ที่เสนอขอจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำไปดำเนินการเกี่ยวกับโครงการที่สำคัญ เช่น เงินอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งท้องถิ่นและการพิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียน กลับไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากครม. สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ และมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในทางกลับกันบางหน่วยงานกลับได้งบประมาณเพิ่มเติมมากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาหรืองบกลาง
ขณะเดียวกัน กมธ.วิสามัญฯ ได้จัดทำรายงานข้อสังเกตของกมธ.เพื่อเตรียมเสนอต่อสภาฯให้พิจารณาพร้อมกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณในวาระสองและสามในการประชุมสภาฯระหว่างวันที่ 15-17 ส.ค. โดยมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการแนะนำให้รัฐบาลเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและกระจายงบประมาณอย่างมีความเป็นธรรม เช่น รัฐบาลควรทบทวนแก้ไขหลักเกณฑ์การกำหนดระยะเวลาการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรให้เหมาะสมสอดคล้องตามระยะเวลาในการเพาะปลูก
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ควรให้ความสำคัญกับภาระหนี้สาธารณะของประเทศ และให้มีการรวบรวมข้อทูลภาพรวมหนี้ทั้งหมด ทั้งหนี้ของรัฐบาล หนี้รัฐวิสาหกิจ หนี้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหนี้ที่เกิดจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการคลังของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ