ทักษิณ ยิ่งใกล้ ประเทศยิ่งระอุ

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเร่งเกมปรองดองผ่านกลไกในสภา โดยให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการปรองดองแห่งชาติ ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน ทำข้อเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการล้มล้างทุกคดีความนับตั้งแต่การรัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา บรรยากาศของประเทศก็กลับมาขัดแย้งรุนแรงขึ้น และยิ่งห่างจากคำว่า “ปรองดอง” มากขึ้นทุกที

ประเมินกันว่า ก่อนถึงวันที่ 4 เม.ย.ที่พรรคเพื่อไทยจะกำหนดเกมให้ “กมธ.ปรองดอง” เสนอผลสรุป ซึ่งเป็นงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีมติอย่างหนึ่งอย่างใด อุณหภูมิการเมืองจะร้อนฉ่าอีกคำรบ

สรุปได้ว่า ยุทธวิธีที่พรรคเพื่อไทยใช้สภาเดินไปสู่การปรองดอง ยังไม่เข้าเป้า....

กระทั่งทีมปรองดองอีกทีมนำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ยังออกมาเย้ยหยันว่า แนวทางของพรรคเพื่อไทยที่ใช้ กมธ.ปรองดอง ซึ่งมี วัฒนา เมืองสุข เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ ทำให้ปัญหาบานปลาย ทางที่ดีต้องออกเป็น พ.ร.บ.ปรองดอง ที่เจ้าตัวเป็นโต้โผผลักดัน นั่นคือ รอให้รัฐธรรมนูญผ่านแล้วเสนอกฎหมายฉบับนี้เข้าสภา เปิดประตูให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับไทย

สูตรต่างๆ ที่ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็น กมธ.โดยใช้ “สถาบันพระปกเกล้า” เป็นเครื่องมือประทับความชอบธรรม เพื่อเปิดทางสู่การนิรโทษกรรมและล้มล้างคดี คตส. หรือใช้ พ.ร.บ.ปรองดอง ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การนิรโทษกรรมความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตัดสินไปแล้ว คือ คดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี และคดีร่ำรวยผิดปกตินำมาสู่การยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 4.6 หมื่นล้านบาท

ทุกการขับเคลื่อนพุ่งไปที่เป้าหมายการนิรโทษกรรม เพียงแต่กลวิธีที่แกนนำกลุ่มต่างๆ ในเครือข่ายทักษิณมีหลายรูปแบบ ขึ้นกับไอเดียที่ต้องการทำจริงแต่อาจต้องใช้เวลา หรือแค่เสนอให้เป็นข่าว สร้างราคาเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยิน

ทั้งหมดเป็นการ แบ่งงาน แยกกันเดิน ร่วมกันทำ เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชน!

พรรคเพื่อไทยมีหลายกลุ่ม ก๊ก ขึ้นตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงผู้เดียว ใครสร้างผลงานเข้าตานายใหญ่มากที่สุดจะได้รับรางวัลตอบแทนที่นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยต้องการ คือ งบประมาณ ตำแหน่งทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างเกม “เก้าอี้ดนตรี” ในพรรคให้มีการสลับเปลี่ยนกันทุก 6 เดือน เพื่อให้ความหวังทุกคน กระตุ้นให้เร่งทำผลงาน นี่จึงเป็นตัวเร่งให้ทุกคนต้อง “ชิงการนำ” ตอบสนองต่อสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการมากที่สุด

เกมหนึ่งที่จุดติดแล้ว คือ การจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ระหว่างนี้จนถึงยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จกินเวลาปีกว่า เครือข่ายทักษิณต้องช่วยกันประคับประคอง เพราะรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในอำนาจได้ยาวขึ้น และมีผลต่อการเดินทางกลับไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศ

ระหว่างนี้ต้องปลุกกระแส “นิรโทษกรรม” ให้ร้อนเพื่อเตรียมรองรับเนื้อหาปรองดองในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหากมีช่องทางที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรมและอภัยโทษในปีนี้ ก็พร้อมเสียบปลั๊กได้ทันที

นอกจาก กมธ.ปรองดองที่ใช้ศัตรูในอดีต คือ “บิ๊กบัง” ผู้ล้มล้างปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณ มาแก้กรรม ปลดล็อกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือแผนใช้เสียงข้างมากในสภาผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ยังมีแผนของเหล่าขุนพลหลายรายที่ส่งเสียงดังๆ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยินว่าจะพากลับไทย

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ถูกพาดพิงว่า เตรียมคาร์บอมบ์ลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนปฏิวัติ 2549 ปัจจุบันกลับมาเป็นมือไม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสนอให้ใช้มวลชนเข้าชื่อ 1 หมื่นคน ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาในสมัยประชุมนี้ และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งเครื่องลงสุวรรณภูมิ โดยมีคนเสื้อแดงต้อนรับ

ส่วนกลุ่มอดีตเตรียมทหาร (ตท.) 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีแผนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงเครื่องที่บ้านเกิด จ.เชียงใหม่

แกนนำเสื้อแดงอีสาน ขวัญชัย ไพรพนา ประกาศจะพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทยช่วงสงกรานต์ที่จะเดินทางมาลาว ข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว มาอย่างวีรบุรุษมาที่สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี ความขัดแย้งจะได้จบลง

แต่ทุกสูตรที่เสนอมา ยังไม่เท่ในใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะใช้มวลชนเป็นเกราะกำบังอุ้มเข้าประเทศไทย ทีมกุนซือบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังไม่กลับในปีนี้ ต้องรอหลังนิรโทษกรรม รวมถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ผ่านการลงประชามติก่อน

ทว่า สัญญาณระหว่างนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินเกมปรองดองกับชนชั้นนำและตุลาการ หรี่ไฟ นปช.ให้ลดโทนก้าวร้าว เน้นเฉพาะเรื่องการปรองดอง จนฝ่าย “แดงอุดมการณ์” อีกปีกเริ่มผิดหวังพรรคเพื่อไทยและ นปช. เพราะมองว่ากำลังเกี้ยเซี้ยเพื่อผลประโยชน์ของนายใหญ่เกินไป รอแต่การนิรโทษกรรม ลืมจุดยืนที่ประกาศจะไม่ปรองดองกับฆาตกรที่ทำให้เสื้อแดงเสียชีวิตมาลงโทษ ไม่สนใจเสื้อแดงรากหญ้าที่เป็นนักโทษการเมือง ซึ่งยังติดอยู่ในเรือนจำ ต่างจากแกนนำ นปช.ที่ติดคดีก่อการร้าย ได้รับการปล่อยตัวหมด

สถานการณ์การเมืองที่กลับมาขัดแย้งแหลมคมในช่วงเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนมาจากการโยนประเด็นนิรโทษกรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่า กมธ.ปรองดองชงข้อเสนอให้ล้มล้างคดี คตส. และหนักข้อขึ้น เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมโคจรมารอบประเทศไทย หลังโฟนอินยังเวทีเสื้อแดง จ.สุรินทร์ เชิญชวนให้คนเสื้อแดงมาเยี่ยมที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว วันที่ 12-13 เม.ย.นี้ และวันที่ 14-15 เม.ย.นี้ ย้ายมาที่เสียมราฐ กัมพูชา

“อีกไม่นานผมก็จะกลับมาบ้านแล้ว เรื่องนักโทษเสื้อแดงขอให้ใจเย็นๆ ผมกำลังคุยกับผู้พิพากษาอยู่ น่าจะเรียบร้อยทุกอย่าง”

บรรยากาศในปัจจุบัน สะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง ยิ่งเข้าใกล้ประเทศไทยหรือยิ่งพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ มากเท่าไร ความปรองดองก็ยิ่งไม่เกิด และประเทศก็ยิ่งร้อนขึ้น กระทั่ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ คนกลางที่เดินเกมปรองดองแต่แรก ยังเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่อำนวยต่อการนิรโทษกรรม

บทสรุปอยู่ที่ว่า การปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ต้องให้สังคมตกผลึกในเรื่องนั้นก่อน เช่น ไม่เอาผิดกับผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งสองฝ่ายเริ่มเห็นตรงกัน น่าแปลกประเด็นนี้ รัฐบาลยังไม่เริ่มขับเคลื่อน กลับมุ่งมั่นทำเรื่องที่เห็นขัดแย้งกันสุดขั้วอย่างการล้างคดีความเอื้อต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ

กระนั้น พิสูจน์ว่าเวลานี้สังคมไทยไม่พร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะกลับบ้านโดยใช้ช่องทางการนิรโทษกรรม...